วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564

การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นและหลักสูตรอิงมาตรฐาน

 การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น

      หลักสูตรท้องถิ่น  หมายถึงหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน หลักสูตรท้องถิ่นจะสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นนั้นๆ  เป็นการเรียนรู้จากภูมิปัญญาที่มีอยู่ในท้องถิ่น ผู้เรียนแสวงหาองค์ความรู้ที่ตอบสนองกับวิถีชีวิตของตนเอง ปรับตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ ผู้เรียนจะเรียนรู้ตามสภาพจริง ของตนเอง สามารถน าความรู้ไปใช้การพัฒนาตนเอง ครอบครัวและชุมชนได้ ( กองพัฒนา การศึกษานอกโรงเรียน. 2543 : 3 ) จึงอาจสรุปได้ว่า หลักสูตรท้องถิ่น หมายถึง ประสบการณ์การ เรียนรู้ที่จัดให้กับกลุ่มผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่จัดตามสภาพปัญหาและความต้องการของ ผู้เรียนในท้องถิ่นนั้นๆ เป้าหมายหลัก คือต้องการให้ผู้เรียนได้นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้เรียนให้ดีขึ้น 

ความสำคัญของหลักสูตรท้องถิ่น 

       ความสำคัญของหลักสูตรท้องถิ่น หลักสูตรท้องถิ่น เป็นหลักสูตรบูรณาการที่ผู้เรียนชุมชนและ ครูร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนจากชีวิต เรียนแล้วเกิดการเรียนรู้สามารถนำความรู้ไปใช้ใน ชีวิตอย่างมีคุณภาพและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมอย่างมีความสุข การเรียนการสอนจะสอนตาม ความต้องการของผู้เรียน โดยครูเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ ผู้เรียนนี้เป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ดังนั้น หลักสูตรท้องถิ่นจึงมีความสสำคัญ ดังต่อไปนี้ ( กองพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน. 2543 : 5 ) 

         1. เป็นหลักสูตรที่ตอบสนองการเรียนรู้ของรู้เรียนเฉพาะเนื้อหาสาระของหลักสูตรสอดคล้องกับ ความต้องการของผู้เรียนตามสภาพปัญหาที่เป็นจริง 

         2. ทำให้กิจกรรมการเรียนรู้มีความหมายต่อผู้เรียน เพราะผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริงได้

        3. ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้ เพื่อที่จะมาใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงของ ตนเองในวันข้างหน้า รวมทั้งวิธีวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของตนเอง 

        4. ชุมชนและภูมิปัญญาในชุมชน โอกาสมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียน ซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชน 

ความหมายของหลักสูตรท้องถิ่น 

         หลักสูตรท้องถิ่น หมายถึง ประสบการณ์การเรียนรู้ที่จัดให้กับกลุ่มผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่จัดตามสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนในท้องถิ่นนั้นๆ เป้าหมายหลัก คือต้องการให้ ผู้เรียนได้นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนให้ดีขึ้น 

องค์ประกอบของหลักสูตรท้องถิ่น 

        องค์ประกอบของหลักสูตร นักการศึกษาหลายท่าน ใด้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบของ หลักสูตรไว้ดังนี้ หลักสูตรควรมีองค์ประกอบสี่อย่างคือ (Hida Taba, 1992 p. 10 อ้างถึงใน ตุนีย์ภู่พันธ์, 2546, หน้า 18) 

         1. วัตถุประสงค์ทั่วไปและวัตถุประสงค์เฉพาะวิชา 

        2. เนื้อหาวิชาและจำนวนชั่วโมงสอนแต่ละวิชา

        3. กระบวนการสอนและการเรียนหรือการนำหลักสูตรไปใช้ 

        4. โครงการประเมินผลการสอนตามหลักสูตร 

องค์ประกอบของหลักสูตรประกอบด้วย (วิชัย วงฆ์ใหญ่, 2537, หน้า 5) 

        1. วัตถุประสงค์ 

        2. เนื้อหาวิชา

        3. วิธีการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 

        4. การประเมินผล 

แนวทางการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่น 

        สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และความต้องการของท้องถิ่น สู่การพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน อีกทั้งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลัก ในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาของโรงเรียนภายใต้การดูแลรับผิดชอบในเขตพื้นที่การศึกษาให้จัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งเป็น เป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกันในระดับชาติ นอกจากนั้น จะต้องปลูกฝังให้ผู้เรียนนี้เป็นสมาชิกที่ดี ของชุมชน มีความรักความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน 

       เพื่อให้การจัดการศึกษาภายในท้องถิ่นบรรลุผลดังกล่าว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น สำหรับสถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนในเรื่อง เกี่ยวกับชุมชน ท้องถิ่น โดยดำเนินการให้ฝ่ายต่าง ๆ อาทิ โรงเรียน ผู้ปกครอง ปราชญ์ในท้องถิ่น นักธุรกิจในชุมชน มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น เพื่อให้ได้แนวคิด มุมมองที่หลากหลาย ครอบคลุมเรื่องสำคัญที่ผู้เรียนในท้องถิ่นควรเรียนรู้และมีความสอดคล้องกับ สภาพปัญหาและความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง ดังนั้น องค์ประกอบที่สำคัญของกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่นมีดังนี้

 ส่วนที่ 1 ส่วนนำ

        - ความเป็นมาและขั้นตอนการดำเนินการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น 

ส่วนที่ 2 เป้าหมายและจุดเน้น 

ส่วนที่ 3 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 

ส่วนที่ 4 การประเมินคุณภาพผู้เรียนระดับท้องถิ่น 

ส่วนที่ 5 การนำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่นสู่การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 

ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น 

 อุดม เชยกีวงศ์(2545, หน้า 33-37) กล่าวถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ดังนี้ 

          1. การสำรวจสภาพปัญหาชุมชน เป็นการศึกษาความเป็นอยู่ของชุมชนและผู้เรียนเพื่อให้ได้ข้อมูล ที่ตรงกับการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นอย่างแท้จริง

          2. การวิเคราะห์สภาพปัญหาและกำหนดความต้องการ 

          3. การจัดทำผังหลักสูตร 

          4. การเขียนแผนการสอน 

                 4.1 การกำหนดหัวข้อเรื่อง

                 4.2 การเขียนสาระสำคัญ 

                 4.3 การกำหนดขอบเขตเนื้อหา

                 4.4 การกำหนดจุดประสงค์ทั่วไปหรือจุดประสงค์ปลายทาง 

                 4.5 การกำหนดจุดประสงค์เฉพาะหรือจุดประสงค์นำทาง 

                 4.6 การกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน

                 4.7 การกำหนดสื่อการเรียนการสอน

           5. การจัดการเรียนการสอน 

           6. การประเมินผล 

สงัด อุทรานนท์ (2532, หน้า 314-315) กล่าวถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตรในระดับท้องถิ่น ให้เป็นไปอย่างมีระบบและเป็นขั้นตอน ดังนี้ 

   ขั้นที่ 1 จัดตั้งคณะทำงาน

   ขั้นที่ 2 ศึกษาสภาพข้อมูลพื้นฐาน 

   ขั้นที่ 3 กำหนดจุดมุ่งหมายสำหรับหลักสูตรท้องถิ่น 

   ขั้นที่ 4 พิจารณาความเหมาะสมของหลักสูตรกลางกับสภาพของท้องถิ่น 

   ขั้นที่ 5 ดำเนินการเลือกเนื้อหาสาระของหลักสูตร และ/หรือจัดสร้างรายวิชาขึ้นมาใหม่

   ขั้นที่ 6 ดำเนินการใช้หลักสูตร 

   ขั้นที่ 7 ประเมินผลการใช้หลักสูตร 

   ขั้นที่ 8 ทำการปรับปรุงแก้ไข 

    นอกจากนี้ นิรมล ศตวุฒิ (2543, หน้า 119-120) กล่าวถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ตามขั้นตอน ดังนี้

        1. จัดตั้งคณะทำงาน

        2. ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน

        3. กำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร 

        4. เลือกและจัดเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ 

        5. กำหนดเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

        6. ตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรก่อนนำไปใช้ 

        7. เสนอขออนุมัติใช้หลักสูตร 

        8. นำหลักสูตรไปใช้ 

        9. ประเมินหลักสูตร 

16.2 การพัฒนาหลักสูตรอิงมาตรฐาน หลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standards-based curriculum) หมายถึง หลักสูตรที่มีมาตรฐาน เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดมาตรฐานการ เรียนรู้ซึ่งเป็นคุณภาพที่คาดหวังให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน ดังนั้น การพัฒนาหลักสูตรตลอดแนวตั้งแต่ ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับสถานศึกษา ตลอดจนถึงระดับชั้นเรียน จะมีลักษณะเป็นหลักสูตร อิงมาตรฐาน คือ ยึดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและเป็นกรอบทิศทางในการกำหนด โครงสร้าง เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ กล่าว โดยรวมก็คือ การกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้นำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรอิงมาตรฐาน 

ความสำคัญของหลักสูตรอิงมาตรฐาน 

      หลักสูตรเปรียบเสมือนตัวแม่บทหรือหัวใจของการศึกษาที่ถือเป็นแก่นสำคัญในการวาง แนวทางการจัดการศึกษา เป็นตัวกำหนดทิศทางของการศึกษาในการที่จะให้ความรู้ การเสริมสร้าง เจตคติ ตลอดทั้งการฝึกฝนในด้านต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนารอบด้าน 

     สุมน อมรวิวัฒน์ (2530:92) ได้กล่าวถึงความสำคัญของหลักสูตรในการจัดการเรียนการ สอนว่า หลักสูตรเป็นตัวกำหนจุดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ นั่นคือกำหนดจุดหมายปลายทางหรือ ลักษณะของผู้เรียนที่จะเป็นผลผลิตของการศึกษา อย่างไรก็ตามหลักสูตรจะถูกกำหนดโดย เป้าหมายทางการศึกษาอีกที่หนึ่ง 

     อุทัย บุญประเสริฐ (2531:179) ได้กล่าวถึงความสำคัญของหลักสูตรไว้ว่า หลักสูตรเป็น ธงชัยในการจัดการศึกษาของโรงเรียนหรือสถานศึกษา เป็นแผนแม่บทกำกับการทำงานทุกด้านของโรงเรียน 

ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรอิงมาตรฐาน

    ความหมายหลักสูตรอิงมาตรฐานมาตรฐานเป็นการก าหนดสิ่งที่คาดหวังไว้อย่างชัดเจน ผู้เรียนมองเห็นเป้าหมายว่าเขา 

ต้องเรียนรู้อะไรให้ได้ เพื่ออะไร ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองรู้ว่าผู้เรียนต้องรู้และสามารถทำอะไรได้ใน ระดับใด สังคม หน่วยงานที่รับเด็กเข้าทำงานรู้ว่าเด็กแต่ละวัยรู้อะไรและทำอะไรได้ ดังนั้นครู ผู้พัฒนาและใช้หลักสูตรอิงมาตรฐานจึงต้องคำนึงถึงสิ่งที่คาดหวังเหล่านี้ด้วย หลักสูตรอิงมาตรฐาน ต้องยึดมาตรฐานเป็นหลักในทุกกระบวนการ ซึ่งนักการศึกษาได้ให้ความหมายของหลักสูตรอิง มาตรฐานไว้ดังนี้

 ไตรรงค์ เจนการ (2548, หน้า 23) ให้ความหมายของหลักสูตรอิงมาตรฐาน (standardbasedcurriculum) คือหลักสูตร ที่อยู่บนพื้นฐานของมาตรฐานทางด้านเนื้อหา (content standards) หรือสิ่งที่ผู้เรียนควรรู้และสามารถท าได้ บางครั้งเรียกว่ามาตรฐานหลักสูตร (curriculum standard) ในนิยามนี้จึงสรุปได้เป็น 3 ประการคือมาตรฐานที่มุ่งเน้นในสิ่งที่ผู้เรียน ต้องทำได้ มาตรฐานเฉพาะซึ่งอยู่บนพื้นฐานของเนื้อหาวิชาที่โรงเรียนกำหนด และมาตรฐานที่ถูกกำหนดเป็นช่วงๆ ระหว่างระดับปฐมวัย – มัธยมศึกษาตอนปลาย 

องค์ประกอบของหลักสูตรอิงมาตรฐาน 

      จากองค์ประกอบของหลักสูตรอิงมาตรฐานที่กล่าวมาทั้งหมดสรุปได้ว่าหลักสูตรอิงมาตรฐานซึ่งทุก ขั้นตอนขององค์ประกอบยึดมาตรฐานี้เป็นหลัก มีองค์ประกอบสำคัญดังนี้ คือ

      1) วิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 

      2) โครงสร้างหลักสูตร สาระการเรียนรู้และขอบข่ายสาระหลัก เวลาเรียน (ชั่วโมง/หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เกณฑ์การจบหลักสูตรหรือการผ่านช่วงชั้น 

     3) คำอธิบายรายวิชา (โครงสร้างรายวิชา) ระบุมาตรฐานช่วงชั้นรหัสวิชา ชื่อรายวิชา ระดับชั้น จำนวนเวลา หรือจำนวนหน่วยกิตสาระสำคัญโดยสังเขป

     4) หน่วยการเรียนรู้ กำหนดขอบเขตสาระหลักคร่าว ๆ ว่าจะจัดการเรียนการสอนมาตรฐานั้นๆ ในระดับชั้นใดและมีเนื้อหาหรือทักษะที่สำคัญอะไร

     5) แผนการจัดการเรียนรู้ 

     6) การประเมิน 

ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรอิงมาตรฐาน 

      ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่จะนำมาใช้ดำเนินการ  การนำแนวคิดและรูปแบบจาก พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในมาตรา 27 วรรคสองที่กำหนดให้ กำหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของสาระของหนักสูตรที่สอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่กำหนดขึ้น เป็นการพัฒนาหลักสูตรครบวงจร ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญ 5 ขั้นตอนดังนี้ 

       ขั้นที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในด้านต่างๆ การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน เพื่อให้สามารถกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตในการเรียนการสอน รวมทั้งสิ่งที่คาดหวังให้ ผู้เรียนบรรลุตามจุดประสงค์ 

               1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของชุมชนโรงเรียนมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ปลูกฝัง เยาวชนในชุมชนให้เป็นพลเมืองที่ดีเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมต่อไป จึงต้องทราบข้อมูลชุมชนเพื่อ ตอบสนองความต้องการของชุมชนนั้นๆ ข้อมูลของชุมชนที่สำคัญมีดังนี้ 

                      1.ข้อมูลทั่วไปของชุมชน เช่นแผนที่ตั้ง ประวัติความเป็นมา จำนวนประชากร เพศ อายุ ศาสนา ฯลฯ 

                     2.ข้อมูลด้านการศึกษา จำนวนผู้จบการศึกษาในระดับต่างๆ จำนวนนักเรียนในระดับต่างๆ ฯลฯ 

                    3.ข้อมูลศิลปวัฒนธรรม เช่นภาษาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯลฯ 

                   4.ข้อมูลพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่นรายได้ อาชีพ 

                   5.ภูมิปัญญาท้องถิ่น

                  6.ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในชุมชน เช่นยาเสพย์ติด มิจฉาชีพ โจร เป็นต้น วิธีการศึกษาชุมชน สามารถดำเนินการได้ดังนี้

                        -ศึกษาแบบทุติยภูมิ (เอกสาร,งานวิจัย,สื่อสิ่งพิมพ์) 

                        -ศึกษาแบบปฐมภูมิ (สำรวจ,ลงพื้นที่,สอบถาม,สังเกต) 

         1.2 การวิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน บุคลากร งบประมาณ อุปกรณ์ และสื่อต่างๆ ห้องต่างๆ ปัญหาที่เกิดจากการใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางในการ พัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสม 

         1.3 การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง

  1. หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533) ให้พิจารณาจาก 

             1.1 จุดมุ่งหมายของหลักสูตร

             1.2 จุดประสงค์ของรายวิชา (ความมุ่งหวังที่ต้องการ) 

             1.3 เนื้อหาสาระ (โครงสร้างหลักสูตร) 

             1.4 กิจกรรมการจัดการเรียนการสอนและการประเมิน

              ผลการเรียนรู้ 

  2. หลักสูตรขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้พิจารณาจาก 

              2.1 มาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร

             2.2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น  - 8 กลุ่มสาระ - กิจกรรม พัฒนาผู้เรียน 

            2.3 การจัดการเรียนรู้ 

            2.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

   3. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ปรับมาตรฐานการ เรียนรู้จากหลักสูตรขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544

           3.1 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น

           3.2 การจัดการเรียนรู้

           3.3 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ซึ่งสถานศึกษาควรนำข้อมูลทั้งสามอย่างนี้มาศึกษาและวิเคราะห์ ได้แก่ สภาพและความต้องการของชุมชน, ศักยภาพของโรงเรียน และหลักสูตรแกนกลาง 

     ขั้นที่ 2 การร่างหลักสูตร

      เป็นการกำหนดแผนการจัดประสบการณ์หรือการกำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และทัศนคติตามเป้าหมายกำหนดไว้ 

           2.1 การกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร 

                 จุดประสงค์ทั่วไป คือเป้าหมายหรือสิ่งมุ่งหวังให้เกิดกับผู้เรียน ควรใช้ภาษาที่เข้าใจ ง่ายและกระชับ และต้องสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง จุดประสงค์การเรียนรู้ คือเป้าหมายที่มุ่งหวังจ าแนกเรื่องและหัวข้อ เช่น ให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อ วิชาเรียน ให้นักเรียนบอกความหมายของวิชาที่เรียนได้ เป็นต้น 

           2.2 การกำหนดเนื้อหาสาระควรกำหนดให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของหลักสูตร

           2.3 การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมและสื่อต่างๆควรเลือกวิธีที่เหมาะสมแก่ผู้เรียน เนื้อหา จุดประสงค์ และหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการสอน หรือ กระทั่งสื่อต่างๆ

         2.4 การกำหนดวิธีและประเมินผลผู้เรียนต้องรู้ถึงคุณภาพของหลักสูตรนั้นๆ จึงต้องมีการประเมินผลผู้เรียน เพื่อให้ทราบผมสัมฤทธิ์ของแผนการพัฒนาหลักสูตรอันจำเป็นต่อการพัฒนาในครั้งต่อๆไป 

ขั้นที่ 3 การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรเมื่อร่างหลักสูตรเสร็จ ต้องมีการตรวจสอบก่อน นำไปใช้ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆได้แก่ 

        -จุดประสงค์

       -เนื้อหาสาระ

       -การจัดการเรียนการสอน

       -กิจกรรมและสื่อการเรียนรู้

       -วิธีวัดและประเมินผลผู้เรียน 

ขั้นที่ 4 การนำหลักสูตรไปใช้

        คือการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน ต้องกำหนดวิธีการจัดการเรียนการสอน กำหนดรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละคาบ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ประสานงาน เพื่อให้การสอนเป็นไปตาม วัตถุประสงค์มากที่สุดนอกจากนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการเรียนการศึกษาตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 บัญญัติไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องยึด หลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญ ที่สุด กระบวนการจัดการศึกษา ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตาม ศักยภาพ” และการเรียนรู้ หมายถึง การปรับเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น การสอนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ 

แบบทดสอบ

1.หากสภาพแวดล้อมมีจุดแข็งและมีโอกาสดี กลยุทธ์หรือแนวทางการดำเนินโครงการควรเป็นแบบข้อใด

     ก.   โครงการนำร่อง

     ข.   โครงการจะต้องเร่งดำเนินการ เร่งขยาย

     ค.   โครงการจะต้องไม่เสี่ยง ควรดำเนินการเพื่อรักษาสภาพไว้

     ง.   ควรลด เลิก บางกิจกรรม หรือปรับเปลี่ยนโครงการใหม่

2ตัวชี้วัดของโครงการที่สำคัญ คือข้อใด

     ก.   ความสำเร็จของการจัดสัมมนา

     .   มีแผนบริหารผลการปฏิบัติงานเป็นรายบุคคล

     ค.   ข้าราชการที่เข้าร่วมสัมมนามีความพึงพอใจ

     ง.   มีกิจกรรมในการจัดทำแผนบริหารผลการปฏิบัติงาน

3.ผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่คาดหวัง คือข้อใด

     ก.   แผนบริหารผลการปฏิบัติงานของสำนักบริหารกลาง

     ข.   สำนักบริหารกลางมีผลการดำเนินงานที่สร้างความพึงพอใจกับผู้รับบริการ

     ค.   สำนักงาน ก.พ. บรรลุตัวชึ้วัดตามระบบ PMQA

     ง.   ถูกทั้งข้อ ก. ข้อ ข. และข้อ ค.

4.โครงการที่สามารถปฏิบัติงานตามกิจกรรมที่กำหนดไว้ได้ครบถ้วน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และบรรลุตามตัวชี้วัด หมายถึงโครงการตามข้อใด

     ก.   เป็นโครงการที่มีประสิทธิผล

     ข.   เป็นโครงการที่มีคุณภาพ

     ค.   เป็นโครงการที่มีประสิทธิภาพ

     ง.   เป็นโครงการที่มีการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพ

5.ตัวชี้วัดของโครงการที่สำคัญ คือข้อใด

     ก.   ความสำเร็จของการจัดสัมมนา

     .   มีแผนบริหารผลการปฏิบัติงานเป็นรายบุคคล

     ค.   ข้าราชการที่เข้าร่วมสัมมนามีความพึงพอใจ

     ง.   มีกิจกรรมในการจัดทำแผนบริหารผลการปฏิบัติงาน

6.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ สมรรถนะ "การมุ่งผลสัมฤทธิ์"

ก.   พัฒนาตนเองให้มีความรู้ และเชี่ยวชาญในงานมากขึ้น ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างอย่างต่อเนื่อง

ข.   ตัดสินใจได้ แม้จะมีความเสี่ยง เพื่อให้ส่วนราชการบรรลุเป้าหมาย

ค.   แสดงความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ดี

ง.   สามารถพัฒนาวิธีการทำงานเพื่อให้ได้ผลงานที่โดดเด่น และแตกต่างอย่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

7.ข้อใดต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิด "สมรรถนะ"

ก.   ความรู้ความสามารถ

ข.   ทักษะ

ค.   คุณลักษณะ

      ง.   ถูกทุกข้อ

8.หลักสูตรอิงมาตรฐาน หมายถึง

ตอบ หลักสูตรที่มีมาตรฐาน เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดมาตรฐานการ เรียนรู้ซึ่งเป็นคุณภาพที่คาดหวังให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน 

9. ขั้นตอนขององค์ประกอบยึดมาตรฐานี้เป็นหลัก มีองค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง

ตอบ  1) วิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 

        2) โครงสร้างหลักสูตร สาระการเรียนรู้และขอบข่ายสาระหลัก เวลาเรียน (ชั่วโมง/หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เกณฑ์การจบหลักสูตรหรือการผ่านช่วงชั้น 

     3) คำอธิบายรายวิชา (โครงสร้างรายวิชา) ระบุมาตรฐานช่วงชั้นรหัสวิชา ชื่อรายวิชา ระดับชั้น จำนวนเวลา หรือจำนวนหน่วยกิตสาระสำคัญโดยสังเขป

     4) หน่วยการเรียนรู้ กำหนดขอบเขตสาระหลักคร่าว ๆ ว่าจะจัดการเรียนการสอนมาตรฐานั้นๆ ในระดับชั้นใดและมีเนื้อหาหรือทักษะที่สำคัญอะไร

     5) แผนการจัดการเรียนรู้ 

     6) การประเมิน 

10หลักสูตรท้องถิ่นจึงมีความสำคัญ  มีอะไรบ้าง

 ตอบ  1. เป็นหลักสูตรที่ตอบสนองการเรียนรู้ของรู้เรียนเฉพาะเนื้อหาสาระของหลักสูตรสอดคล้องกับ ความต้องการของผู้เรียนตามสภาพปัญหาที่เป็นจริง 

         2. ทำให้กิจกรรมการเรียนรู้มีความหมายต่อผู้เรียน เพราะผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริงได้

        3. ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้ เพื่อที่จะมาใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงของ ตนเองในวันข้างหน้า รวมทั้งวิธีวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของตนเอง 

        4. ชุมชนและภูมิปัญญาในชุมชน โอกาสมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียน ซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชน 


อ้างอิง 

แนวข้อสอบ E-learning ก.พ.(2558).วันที่สืบค้น 21 กันยายน 2564,

สืบค้นจากhttps://www.sorbdee.net/form_show_allnews.php?idsara=333

เทพนคร ทาคง. (2546). การพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดอิงมาตรฐานในรายวิชาเสริมสมรรถภาพ ในการสอนภาษาอังกฤษส าหรับนักศึกษาครู.วิทยานิพนธ์ ค.ด. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.

หลักสูตรสถานศึกษาและการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา

 ความหมายสำคัญของหลักสูตรสถานศึกษา 

       หลักสูตรสถานศึกษา เป็นแผนหรือแนวทางหรือขอกหนืดของการจัดการศึกษา ที่จะพัฒนาให้ ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ โดยส่งเสริมให้แต่ละบุคคลพัฒนาไปศักยภาพสูงสุดของตน รวมถึง ลดขนของมวลประสบการณ์ให้เกิดการเรียนรู้สะสมซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนนความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้ ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีชีวิตอยู่ในโรงเรียน ชุมชน สังคม และโลกอย่างมี ความสุข

 ความสำคัญของหลักสูตรสถานศึกษา

 ต่อการช่วยพัฒนาผู้เรียนในทุกๆ ด้านสามารถชี้แนะให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ ตลอดจนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาได้พยายามจดมวลประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนได้พัฒนา ตนเองในด้านความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์บรรลุตาม จดหมายของการจัดการศึกษา 

สามารถสรุปได้ว่าหลักสูตรมีความสำคัญดังนี้

          1. เป็นเอกสารของทางราชการเพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ปฏิบัติตามและเข้าใจ ตรงกัน 

         2. เป็นแผนการปฏิบัติงานของครูในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน 

         3. เป็นมาตรฐานในการจัดการศึกษาระดับต่าง ๆ 

         4. เป็นแนวทางในการส่งเสริมความเจริญงอกงามและพัฒนาการของผู้เรียนตามจุดมุ่งหมายของ การศึกษา 

         5. เป็นเครื่องกำหนดแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อให้ได้รับประโยชน์ต่อตนเอง ชุมชน และสังคม 

         6 .เป็นตัวกำหนดลักษณะและรูปแบบของสังคมในอนาคต และเป็นเครื่องช่วยความเจริญก้าวหน้าของประเทศ 

         7. เป็นแผนการเน้นงานของผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารงานตามนโยบายของการจัด การศึกษา

 การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา

      โดยหลักการทั่วไป ขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตรในระดับชาติหรือระดับสถานศึกษา จะมีวิธีดำเนินการในลักษณะเดียวกันกล่าวคือเริ่มด้วยการกำหนดจุดหมายของหลักสูตร การกำหนด เนื้อหาสาระ การนำหลักสูตรไปใช้ การประเมินหลักสูตร และการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักสูตร อย่างไรก็ตาม แต่ละขั้นตอนอาจมีการกระจายกิจกรรมให้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นได้ เพื่อให้ เหมาะสมกับธรรมชาติของหลักสูตรแต่ละระดับหรือแต่ละประเภท 

          ทาบา (Taba, 1962) นักพัฒนาหลักสูตรชาวอเมริกัน ให้ความเห็นสนับสนุนให้โรงเรียนนี้ เป็นผู้จัดทำหลักสูตรเอง โดยยึดหลักการดำเนินการจากระดับล่างหรือระดับรากหญ้า ทาบามี ความเชื่อว่าครูใน โรงเรียนซึ่งเป็นผู้สอนโดยตรงควรจะเป็นผู้จัดทำหลักสูตรเองมากกว่าส่วนกลาง หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้จัดทำและจัดส่งมาให้และกล่าวว่าครูควรจะเริ่มกระบวนการพัฒนา หลักสูตรจากการสร้างหน่วยการเรียนการสอนในเนื้อหาเฉพาะสำหรับเด็กในโรงเรียนก่อน ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปการศึกษาในครั้งนี้ การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา การบริหารจัดการเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรของสถานศึกษามีคุณภาพและประสิทธิภาพหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยการบริหารจัดการหลักสูตรอย่าง เป็นระบบนั่นเองซึ่งประกอบด้วยงาน/ภารกิจที่สถานศึกษาจะต้องดำเนินการ7 ภารกิจ คือ 

        1. การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา

        2. การจัดทำสาระของหลักสูตรสถานศึกษา 

        3. การวางแผนบริหารจัดการหลักสูตร 

        4. การปฏิบัติการบริหารจัดการหลักสูตร 

        5. การนิเทศ กำกับ ติดตามและประเมินผล 

         6. การสรุปผลการดำเนินงานบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา

         7. การปรับปรุงและพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา 

แนวทางการการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ตามแนวทางหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน                   

             การจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ มี มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดเป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน และนำพาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะ สำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการจัดการเรียนรู้ครูผู้สอนต้องคำนึงถึงการ จัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นผู้เรียนนี้เป็นสำคัญ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคล พัฒนาการทาง มอง และเน้นคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ การเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ ภูมิปัญญา ท้องถิ่น ศูนย์ เรียนรู้ ระบบสารสนเทศ เครือข่ายการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือสำคัญต่อการพัฒนา คุณภาพผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ สถานศึกษาต้องมีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และนำผลที่ได้ ใช้เป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาปรับปรุง การจัดการเรียนรู้ให้เกิดคุณภาพต่อผู้เรียน 


แบบทดสอบ

1.การจัดทำสาระหลักสูตรถือเป็นหน้าหลักของใคร

ก.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ข.สถานศึกษาขั้นพื้อนฐาน

ค.สภาการศึกษา

ง.คณะกรรมการการศึกษขั้นพื้นฐาน


2.ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพที่พึ่งประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษา ทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมเเละกำกับดูเเลการตรวจสอบ การประเมิน การประเมินผลเเละการประกันคุณภาพทางการศึกษาตรงกับข้อใด

ก.มาตรฐานการศึกษา

ข.ประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา

ค.มาตรฐานการประเมินภายนอก

ง.คุณภาพการศึกษา


3.ข้อใดไม่ใช่ หลักการจัดการศึกษา

ก.การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ข.ให้สังคมมีส่วนร่วมในหารจัดการศึกษา

ค.เป็นการศึกษาตลิดชีวิตสำหรับประชาชน

ง.การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง


4.ใครเป็นผู้กำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ก.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ข.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ค.สภาการศึกษา

ง.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโคยคำเเนะนำสภาการศึกษา


5.ผู้ใดให้ความเห็นชอบใช้หลักสูตร

ก.ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ข.ศึกษาธิการจังหวัด

ค.ผู้อำนวยการสถานศึกษา

ง.คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน


6.สิ่งใดที่กำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องรู้

ก.ผลการเรียนรู้

ข.ตัวชี้วัดการเรียนรู้

ค.สาระการเรียนรู้

ง.มาตรฐานการเรียนรู้


7.ผู้ใดมีหน้าที่ดำเนินการการประกันคุณภาพภายใน

ก.บุคลากรทางการศึกษาเเละสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด

ข.คณะกรรมการสถานศึกษา

ค.บุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูเเลสถานศึกษานั้น

ง.สถานศึกษาโดยมีทุกฝ่ายต้องดำเนินการเเละให้รายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน


8.ข้อใดตรงกับความหมายของคำว่า "การศึกษา"

ก.กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลเเละสังคม

ข.การฝึกทักษะ ทั้งทางความคิด สติปัญญาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

ค.การเรียนเพื่อพัฒนาตนเองตลอดชีวิต

ง.การศึกษาก่อนอุดมศึกษา



9. ความสำคัญของหลักสูตรสถานศึกษาสรุปหลักสูตรได้ว่าอย่างไร

ตอบ1. เป็นเอกสารของทางราชการเพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ปฏิบัติตามและเข้าใจ ตรงกัน 

         2. เป็นแผนการปฏิบัติงานของครูในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน 

         3. เป็นมาตรฐานในการจัดการศึกษาระดับต่าง ๆ 

         4. เป็นแนวทางในการส่งเสริมความเจริญงอกงามและพัฒนาการของผู้เรียนตามจุดมุ่งหมายของ การศึกษา 

         5. เป็นเครื่องกำหนดแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อให้ได้รับประโยชน์ต่อตนเอง ชุมชน และสังคม 

         6 .เป็นตัวกำหนดลักษณะและรูปแบบของสังคมในอนาคต และเป็นเครื่องช่วยความเจริญก้าวหน้าของประเทศ 

         7. เป็นแผนการเน้นงานของผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารงานตามนโยบายของการจัด การศึกษา


10.ปัจจัยการบริหารจัดการหลักสูตรอย่างเป็นระบบของทาบาซึ่งประกอบด้วยงาน/ภารกิจที่สถานศึกษาจะต้องดำเนินการ7 ภารกิจ คือ 

ตอบ   1. การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา

        2. การจัดทำสาระของหลักสูตรสถานศึกษา 

        3. การวางแผนบริหารจัดการหลักสูตร 

        4. การปฏิบัติการบริหารจัดการหลักสูตร 

        5. การนิเทศ กำกับ ติดตามและประเมินผล 

         6. การสรุปผลการดำเนินงานบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา

         7. การปรับปรุงและพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา 



อ้างอิง

 กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมการเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, ๒๕๕๒.

 กรมวิชาการ “การพัฒนารายวิชาสังคมศึกษาให้สอดคล้องกับท้องถิ่น” ใน หลักสูตรมัธยมศึกษา ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533 กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว 2542

บ้านของครู MR.Kron.หลักสูตรการพัฒนาหลักสูตรชุด 2.13 กันยายน 2564.จากhttps://mrkron.com/testsus2/

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

 สรุปหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เปลี่ยนแปลงมาจาก หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ซึ่งกําหนดจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนา คุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตดี มีความสามารถแข่งขันใน เวทีโลก ให้สถานศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร แต่หลักสูตรเดิมมีปัญหา หลายประการ คือ ความสับสนของผู้ปฏิบัติในสถานศึกษาซึ่งส่วนใหญ่กําหนดสาระ และผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มากเกินไป เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัดผลไม่ สะท้อนมาตรฐาน ฯลฯ

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 จัดทําขึ้นเพื่อให้เขต พื้นที่การศึกษา หน่วยงานระดับท้องถิ่นและสถานศึกษานําไปเป็นกรอบและ ทิศทางพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนการสอน

เงื่อนไขเวลา

ปีก.ศ.

รร.ต้นแบบ และรร.ที่มีความพร้อม

รร. ทั่วไป

2552

ป.1-6 , ม.1, ม.4

-

2553

ป.1-6 , ม.1,2  ม.4,5

ป.1-6, ม.1, ม.4

2554

ทุกชั้นเรียน

ป.1-6, ม.1,2 ม.4,5

2555

 

ทุกชั้นเรียน

 

วิสัยทัศน์

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็น กําลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม จิตสํานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จําเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอด ชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ

หลักสูตรใหม่มี 6 ข้อ คือ

1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสําหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล

2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชนที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับ การศึกษาอย่างเสมอภาคและมีคุณภาพ

3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอํานาจ ให้สังคมมี ส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น

4. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการ เรียนรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้

5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ

6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสําหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์

จุดมุ่งหมาย

หลักสูตรใหม่รวบเป็น 5 ข้อ คือ

1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

2. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต

3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกําลังกาย

4. มีความรักชาติ มีจิตสํานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นใน วิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข

5. มีจิตสํานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และ พัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทําประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข

สมรรถนะของผู้เรียน หลักสูตรใหม่เน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ 5 ประการ คือ

- ความสามารในการสื่อสาร 

- ความสามารในการคิด 

- ความสามารในการแก้ปัญหา

 - ความสามารในการใช้ทักษะชีวิต 

- และความสามารในการใช้เทคโนโลยี

คุณลักษณะอันพึงประสงค์

หลักสูตรเดิมไม้มีการกล่าวถึง หลักสูตรใหม่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกับ ผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ลักษณะอันพึงประสงค์ประกอบด้วย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์, ซื่อสัตย์สุจริต, มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง, มุ่ง ในการทํางาน, รักความเป็นไทย, มีจิตสาธารณะ สถานศึกษาสามารถกําหนดลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมได้

มาตรฐานการเรียนรู้

เป็นเป้าหมายสําคัญในการพัฒนาผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้จะระบุสิ่งที่ ผู้เรียนจึงรู้ปฏิบัติได้มี คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมเมื่อจบการศึกษาขั้น พื้นฐาน มาตรฐานการเรียนรู้มี 8 กลุ่มสาระ คือ

Ø ภาษาไทย

Ø คณิตศาสตร์

Ø วิทยาศาสตร์

Ø สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม

Ø สุขศึกษาและพละศึกษา

Ø ศิลปะ

Ø การงานและเทคโนโลยี

Ø ภาษาต่างประเทศ

มาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่า ต้องการอะไร สอนอย่างไร ประเมินอย่างไร

ตัวชี้วัด

ระบุสิ่งที่ผู้เรียนจึงรู้ ปฏิบัติได้ รวมทั้งลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น ตัวชี้วัด นําไปใช้ในการกําหนดเนื้อหา จัดทําหน่วยการเรียนรู้ การจัดการสอน เป็น เกณฑ์สําคัญสําหรับวัดผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ตัวชี้วัดมี 2 อย่าง คือ ตัวชี้วัดชั้นปี และตัวชี้วัดช่วงชั้น

ตัวชี้วัดชั้นปีใช้กับ ป.1-ม.3 (เป็นเป้าหมายพัฒนาผู้เรียนแต่ละชั้นปี)

ตัวชี้วัดช่วงชั้นใช้กับ ม.4 - ม.6 (เป็นเป้าหมายพัฒนาผู้เรียนเฉพาะในระดับ ม. ปลาย)

รหัสกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด

  ว.1.1 ป.1/2      ว. หมายถึง วิทยาศาสตร์ 1.1 หมายถึง สาระที่ 1

มาตรฐานข้อที่ 1

ป.1/2 หมายถึง ตัวชี้วัดชั้น ป.1 ข้อที่ 2

สาระการเรียนรู้ ในหลักสูตรใหม่ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ กําหนดให้ผู้เรียนจําเป็นต้องรู้ เช่นกลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์องค์ความรู้ ทักษะ สําคัญและคุณลักษณะ ในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน

ภาษาไทย : ความรู้ ทักษะและวัฒนธรรมการใช้ ภาษา เพื่อ การสื่อสาร ความชื่นชม การเห็นคุณค่า ภูมิปัญญาไทย และภูมิใจใน ภาษาประจําชาติ

คณิตศาสตร์ : การนํา ความรู้ทักษะและ กระบวนการทาง คณิตศาสตร์ปใช้ใน การแก้ปัญหา การดําเนิน ชีวิต และศึกษาต่อ การมี เหตุมีผล มีเจตคติที่ดีต่อ คณิตศาสตร์ พัฒนาการคิด อย่างเป็นระบบและ สร้างสรรค์

วิทยาศาสตร์ : การนํา ความรู้และกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ การคิดอย่าง เป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และจิต วิทยาศาสตร์

ภาษาต่างประเทศ : ความรู้ทักษะ เจตคติ และ วัฒนธรรม การใช้ ภาษาต่างประเทศในการ สื่อสาร การแสวงหาความรู้ และการประกอบอาชีพ

สุขศึกษาและพลศึกษา : ความรู้ ทักษะและเจตคติใน การสร้างเสริมสุขภาพ พลานามัยของตนเองและผู้อื่น การป้องกันและปฏิบัติต่อ สิ่งต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ อย่างถูกวิธีและทักษะในการ ดําเนินชีวิต

การงานอาชีพและ เทคโนโลยี : ความรู้ ทักษะ และเจตคติ ในการทํางาน การจัดการ การดํารงชีวิต การประกอบ อาชีพ และการใช้เทคโนโลยี

ศิลปะ : ความรู้และทักษะใน การคิดริเริ่ม จินตนาการ สร้างสรรค์งานศิลปะ สุนทรียภาพและการเห็น คุณค่าทางศิลปะ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

หลักสูตรใหม่กําหนดให้มี 8 กลุ่มสาระและ 67 มาตรฐาน คือ

Ø ภาษาไทย (มี 5 สาระ 5 มาตรฐาน)

Ø คณิตศาสตร์ (มี 6 สาระ 14 มาตรฐาน)

Ø วิทยาศาสตร์ (มี 8 สาระ 13 มาตรฐาน)

Ø สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (มี 5 สาระ 11 มาตรฐาน)

Ø สุขศึกษาและพลศึกษา (มี 5 สาระ 6 มาตรฐาน)

Ø ศิลปะ (มี 3 สาระ 6 มาตรฐาน)

Ø การงานอาชีพและเทคโนโลยี (มี 4 สาระ 4 มาตรฐาน)

Ø ภาษาต่างประเทศ (มี 4 สาระ 8 มาตรฐาน)

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ เสริมให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัย สร้างจิตสํานึกของการทําประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการ ตนเองได้และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมี 3 ลักษณะ คือ

Ø กิจกรรมแนะแนว

Ø กิจกรรมนักเรียน

1. กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษา

วิชาทหาร ผู้บําเพ็ญประโยชน์

2. กิจกรรมชุมนุมหรือชมรม

กิจกรรมพัฒนาสังคมและสาธารณะประโยชน์ (ของเดิม ไม่มีกิจกรรมพัฒนาสังคมฯ) –

กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้ผู้เรียน รู้จักตนเอง ช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียน ทั้งยังช่วยเหลือเข้าใจผู้ปกครองใน การมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน

กิจกรรมนักเรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีวินัย เป็นผู้นําและผู้ตามที่ดี เช่น ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหาร ผู้บําเพ็ญประโยชน์ กิจกรรม ชุมนุมหรือชมรม

กิจกรรมพัฒนาสังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีจิตสาธารณะ เช่นกิจกรรมอาสาพัฒนาต่างๆ

ระดับการศึกษาและการมุ่งเน้นแต่ละระดับ จัดการศึกษาเป็น 3 ระดับ คือ

- ประถมศึกษา (6 ปี)

- มัธยมศึกษาตอนต้น (3 ปี)

- และมัธยมศึกษาตอนปลาย (3 ปี)

ประถมศึกษา ทั้ง 8 สาระ เน้น  ทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การ เขียน (ภาษาไทย) การคิดคํานวณ การคิดพื้นฐาน การติดต่อสื่อสาร กระบวนการ เรียนรู้ทางสังคมและพื้นฐานการเป็นมนุษย์ เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ

มัธยมศึกษาตอนต้น เน้นให้ผู้เรียนสํารวจความถนัดและความสนใจ ของตนเอง มีทักษะในการคิดวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหา ทักษะใน การใช้เทคโนโลยี รับผิดชอบต่อสังคม มีความภูมิใจในความเป็นไทย

มัธยมศึกษาตอนปลาย เน้นความรู้และทักษะเฉพาะด้าน สนอง ความสามารถ และความถนัดและความสนใจ ของผู้เรียนแต่ละคนทั้งในด้าน วิชาการและวิชาชีพ

เวลาเรียน

ประถมศึกษา จัดการเรียนเป็นรายปี เรียนวันละไม่เกิน 5 ชั่วโมง

มัธยมศึกษาตอนต้น จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค มีเวลาเรียนวันละไม่ เกิน 6 ชั่วโมง ใช้เกณฑ์ 1 หน่วยกิตเท่ากับ 40 ชั่วโมง

มัธยมศึกษาตอนปลาย จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค มีเวลาเรียนวันละ ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ใช้เกณฑ์ 1 หน่วยกิตเท่ากับ 40 ชั่วโมง

* กําหนดให้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนทั้ง 3 กิจกรรมในชั้น ป.1-ม.3 ปีละ 120 ชั่วโมง และ ม.ปลาย (ม. 4-6) รวม 360 ชั่วโมง และกําหนดให้สถานศึกษา จัดสรรเวลากิจกรรมพัฒนาสังคมและสาธารณะประโยชน์ในชั้น ป.1-ป.6 รวม 60 ชั่วโมง (ปีละ 10 ชั่วโมง) ม.ต้น 45 ชั่วโมง (ปีละ 15 ชั่วโมง) ม.ปลาย 60 ชั่วโมง (ปี ละ 20 ชั่วโมง)


 การจัดการเรียนรู้

เป็นกระบวนการสําคัญนําหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ ผู้สอนต้องพยายามคัด สรรการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนผ่านสาระที่กําหนดไว้ในหลักสูตร ประกอบด้วย

1. หลักการจัดการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนสําคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมี ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้อง ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาเต็มตามศักยภาพโดยคํานึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคล และการพัฒนาสมอง เน้นให้ความรู้และคุณธรรม

2. กระบวนการเรียนรู้ ผู้สอนต้องทําความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ต้องมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการปฏิบัติลงมือทําจริง และ สามารถเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา

3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรให้เข้าใจทุก ขั้นตอนแล้วพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนา เต็มตามศักยภาพและบรรลุเป้าหมายตามที่กําหนด

4. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน

บทบาทผู้สอน

1. ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลแล้วนําข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการ จัดการเรียนรู้ ที่ท้าทายความสามารถของผู้เรียน

2. กําหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนด้านความรู้และทักษะ กระบวนการ ที่เป็นความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมทั้ง คุณลักษณะอันพึงประสงค์

3. ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่าง บุคคลและพัฒนาการทางสมอง เพื่อนําผู้เรียนไปสู่เป้าหมาย

4. จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้

5. จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นําภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน

6. ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาติของวิชาและระดับพัฒนาการของผู้เรียน

7. วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้ง ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของตนเอง

บทบาทของผู้เรียน

     กําหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง เสาะ แสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคําถาม คิดหาคําตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งที่ ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ต่าง มีปฏิสัมพันธ์ ทํางาน ทํากิจกรรมร่วมกับกลุ่มและครู ประเมินและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของ ตนเองอย่างต่อเนื่อง สื่อการเรียนรู้

     เป็นเครื่องมือส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้

     สื่อมีหลายประเภท สื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี เครือข่าย ต่างๆ ในท้องถิ่น ฯลฯ ผู้สอนต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ผู้สอนอาจจัดทําหรือ บัฒนาขึ้นมาใหม่ หรือเลือกใช้สื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัว การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตั้งอยู่บนพื้นฐาน 2 ประการ คือ

Ø ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน

Ø และตัดสินผลการเรียน

การประเมินตามตัวชี้วัดจะสะท้อนสมรรถนะผู้เรียน การประเมินมี 4 ระดับ คือ

Ø ระดับชั้นเรียน

Ø ระดับสถานศึกษา

Ø ระดับเขตพื้นที่การศึกษา

Ø และระดับชาติ

การประเมินในชั้นเรียนจะประเมินโดยครู ผู้เรียน เพื่อน หรือ ผู้ปกครองก็ได้ ต้องใช้เทคนิคประสบการณ์หลากหลายและสม่ำเสมอ เช่น การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ ในกรณีที่ผู้เรียน ไม่ผ่านตัวชี้วัด ให้มีการสอนซ่อมเสริม

การประเมินระดับสถานศึกษาเป็นการประเมินรายปีหรือรายภาค

การประเมินระดับเขตพื้นที่ จะประเมินโดยข้อสอบมาตรฐานที่เขตพื้นที่ การศึกษาจัดทําขึ้นผลการประเมินใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา

การประเมินระดับชาติ สถานศึกษาต้องจัดให้นักเรียนทุกคนที่เรียนในชั้น ป.3, ป.6, ม.3 และ ม.6 เข้ารับการประเมิน

เกณฑ์การวัดและการประเมินผลการเรียน

ผู้สอนต้องคํานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคน เก็บข้อมูลสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

Ø ระดับประถมศึกษา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ

80 ของเวลาเรียนทั้งหมด

Ø ระดับมัธยมศึกษาผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ

80 ของเวลาเรียนในรายวิชานั้นๆ

-     ผู้เรียนทุกระดับต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ ที่สถานศึกษากําหนด

-     ผู้เรียนทุกระดับต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา

-     ผู้เรียนทุกระดับต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตาม เกณฑ์ที่สถานศึกษากําหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การตัดสินผลระดับประถมศึกษาจะให้ตัดสินผลการเรียนรายวิชาเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือร้อยละก็ได้

       การตัดสินผลระดับมัธยมศึกษาให้ตัดสินผลเป็นรายวิชาใช้ตัวเลขแสดงระดับ 8 ระดับ คือ 0, 1, 1.5, 2, 2.5, 3, 3.5, 4 ทุกระดับการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ให้ระดับ ดีเยี่ยม ดี และผ่าน ทุกระดับการประเมินกิจกรรมและพัฒนาผู้เรียน ผ่าน ไม่ผ่าน การรายงานผลการเรียน ต้องรายงานให้ผู้ปกครองทราบ เป็นระยะๆ อย่าง น้อยภาคเรียนละครั้ง

เกณฑ์การจบการศึกษา

Ø ระดับประถมศึกษา ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/ กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กําหนด มีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผ่านเกณฑ์การประเมินที่สถานศึกษา กําหนด

Ø ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา เพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต (ขั้นต่ําสุดคือไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต)โดยเป็นรายวิชา พื้นฐาน 66 หน่วยกิตและเป็นรายวิชาเพิ่มเติมตามที่สถานศึกษากําหนด (ไม่น้อย กว่า 11 หน่วยกิต)

Ø ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และ รายวิชาเพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต (ขั้นต่ําสุดคือไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต) โดย เป็นรายวิชาพื้นฐาน 41 หน่วยกิตและเป็นรายวิชาเพิ่มเติมตามที่สถานศึกษากําหนด (ขั้นต่ําสุดคือไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต)

             ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่าน เกณฑ์ การประเมินตามที่สถานศึกษากําหนด

             ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่สถานศึกษากําหนด

             ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การ ประเมินตามที่สถานศึกษากําหนด

เอกสารหลักฐานการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒๕๕๑

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551  กําหนด เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาจะต้องดําเนินการเป็น 2 ประเภทได้แก่

- เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด

- เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากําหนด

เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด

1. ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เป็นเอกสารสําหรับบันทึกข้อมูลผลการเรียนของผู้เรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551  ได้แก่ ผลการเรียนตามกลุ่ม สาระการเรียนรู้ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ผลการ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องจัดทําและออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบ การศึกษาแต่ละระดับ หรือเมื่อผู้เรียนออกจากสถานศึกษา เพื่อใช้แสดงผลการ เรียนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551  และใช้เป็นหลักฐานแสดงวุฒิการศึกษาเพื่อสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงาหรือขอรับสิทธิ ประโยชน์อื่นใดที่พึงมีพึงได้ตามวุฒิการศึกษานั้น

2. ประกาศนียบัตร (ปพ.2) เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาที่มอบให้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับและ ผู้สําเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อประกาศและรับรองวุฒิการศึกษาของผู้สําเร็จการศึกษา ตามวุฒิแห่งประกาศนียบัตรนั้น ประกาศนียบัตรสามารถนําไปใช้ประโยชน์ดังนี้

- ใช้เป็นหลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา เพื่อสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงาน หรือขอรับสิทธิประโยชน์อื่นใดที่พึงมีพึงได้ตามวุฒิการศึกษาแห่งประกาศนียบัตร

นั้น

- ตรวจสอบวุฒิทางการศึกษาของผู้เรียน

3. แบบรายงานผู้สําเร็จการศึกษา (ปพ.3) เป็นเอกสารสําหรับอนุมัติการจบ หลักสูตรของผู้เรียนในแต่ละรุ่นการศึกษา โดยบันทึกรายชื่อและข้อมูลทางการศึกษาของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5) ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3) และผู้จบ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5) แบบรายงานผู้สําเร็จการศึกษา (ปพ.3) จัดทําเพื่อ

- ผู้บริหารสถานศึกษา อนุมัติการจบการศึกษาระดับประถมศึกษา การศึกษาภาคบังคับ และการศึกษาขั้นพื้นฐานของผู้เรียน

- แสดงรายชื่อผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา การศึกษาภาคบังคับและ การศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ

- เป็นหลักฐานในการตรวจสอบ และรับรองวุฒิหรือผลการศึกษาของ ผู้สําเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานั้นๆ

เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากําหนด

ในการจัดการศึกษาสถานศึกษาจําเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลด้านความก้าวหน้าในการเรียนรู้ สถานศึกษาจึงต้องมี เอกสารที่จัดทําขึ้นเพื่อบันทึกผลการประเมินและข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้เรียน เอกสารเหล่านี้ ได้แก่ แบบบันทึกผลการเรียนประจํารายวิชา แบบรายงาน ประจําตัวนักเรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสารอื่นๆ ตามที่สถานศึกษาเห็นสมควร

1. แบบบันทึกผลการเรียนประจํารายวิชา เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทําขึ้น เพื่อให้ผู้สอนใช้บันทึกข้อมูลการวัดและ การประเมินผลการเรียนตามแผนการจัดการเรียนการสอนและประเมินผลการ เรียน และใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาตัดสินผลการเรียนแต่ละรายวิชา เอกสารนี้ ควรจัดทําเพื่อบันทึกข้อมูลของผู้เรียนเป็นรายห้อง เอกสารบันทึกผลการเรียนประจํารายวิชา นําไปใช้ประโยชน์ดังนี้ - ใช้เป็นเอกสารเพื่อการดําเนินงานของผู้สอนแต่ละคนในการวัดและ ประเมินผลการเรียนของผู้เรียนแต่ละรายวิชา รายห้อง - ใช้เป็นหลักฐานสําหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีการและกระบวนการวัดและประเมินผลการเรียน

- เป็นเอกสารที่ผู้บริหารสถานศึกษาใช้ในการอนุมัติผลการเรียนประจําภาค เรียน / ปีการศึกษา

2. แบบรายงานประจําตัวนักเรียน เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทําขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลการประเมินผลการ เรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนแต่ละคนตามเกณฑ์การตัดสินการ ผ่านระดับชั้นของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งข้อมูลด้านอื่นๆ ของผู้เรียนทั้งที่บ้านและโรงเรียน เป็นเอกสารรายบุคคล สําหรับสื่อสารให้ ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้รับทราบผลการเรียนและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนและร่วมมือในการพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง

3. ใบรับรองผลการเรียน เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทําขึ้นเพื่อรับรองสถานภาพความเป็นผู้เรียนใน สถานศึกษาที่กําลังศึกษาอยู่หรือรับรองผลการเรียนหรือวุฒิของผู้เรียนเป็นการ ชั่วคราวตามที่ผู้เรียนร้องขอ ทั้งกรณีที่ผู้เรียนกําลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนหรือเมื่อจบ การศึกษาไปแล้วแต่กําลังรอรับหลักฐานการศึกษาระเบียนแสดงผลการเรียน เป็น ต้น ใบรับรองผลการเรียนมีอายุการใช้งานชั่วคราว โดยปกติประมาณ ๓๐ วัน ซึ่งผู้เรียนสามารถนําไปใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้า ศึกษาต่อ สมัครเข้าทํางาน หรือเมื่อมีกรณีอื่นใดที่ผู้เรียนแสดงคุณสมบัติเกี่ยวกับ วุฒิความรู้ หรือสถานภาพการเป็นผู้เรียนของตน

4. ระเบียนสะสม เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทําขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของ ผู้เรียนในด้านต่าง ๆ เป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงระยะเวลาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๒ ปี ระเบียนสะสมให้ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชีพของผู้เรียน การ พัฒนาปรับปรุงบุคลิกภาพ การปรับตัวของผู้เรียน และผลการเรียน ตลอดจน รายงานกระบวนการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนระหว่างสถานศึกษากับบ้าน และใช้ เป็นหลักฐานในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เรียนตามความเหมาะสม

สรุปเพิ่มเติม

สรุปหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปรับปรุง 2560

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ใน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)

การปรับปรุงหลักสูตรครั้งนี้ ยังคงหลักการ และ โครงสร้างเดิมของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คือประกอบด้วย 8 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ได้แก่

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย " คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์

สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม " สุขศึกษาและพลศึกษา " ศิลปะ "การงานอาชีพและเทคโนโลยี "ภาษาต่างประเทศ

แต่มุ่งเน้นการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความทันสมัย ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าทาง วิทยาการต่าง ๆ คํานึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียน มี ทักษะที่จําเป็นสําหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็น สําคัญ

โดยเปลี่ยนเพื่อให้มีการเตรียมผู้เรียนให้มีความ พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ พร้อมที่จะประกอบอาชีพ เมื่อจบการศึกษา หรือสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูง ขึ้น สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้

กรอบในการปรับปรุง

ให้มีองค์ความรู้ที่เป็นสากลเทียบเท่านานาชาติ ปรับ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดให้มีความชัดเจน ลด ความซาซ้อน สอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในกลุ่ม สาระการเรียนรู้ และระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตลอดจน

เชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

และเทคโนโลยี" เข้าด้วยกัน

จัดเรียงลําดับความยากง่ายของเนื้อหาในแต่ละระดับ ชั้นตามพัฒนาการแต่ละช่วงวัย ให้มีความเชื่อมโยง ความรู้และกระบวนการเรียนรู้โดยให้เรียนรู้ผ่านการ ปฏิบัติที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด

สาระสําคัญของการปรับปรุงหลักสูตร

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

1. จัดกลุ่มความรู้ใหม่และนําทักษะกระบวนการไปบรูณาการกับตัวชี้วัด เน้นให้ผู้เรียนเกิดการคิด วิเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และมีทักษะในศตวรรษที่21

2. ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 กําหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดสําหรับ ผู้เรียนทุกคน ที่เป็นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ประจําวัน และเป็นพื้นฐานสําคัญในการศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้น

3. ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 กําหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดเฉพาะเจาะจง

"แยกส่วน" ระหว่างผู้เรียนที่เลือกเรียนในแผนการ เรียนที่ไม่เน้นวิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนที่เน้น วิทยาศาสตร์

" มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของแผนการ เรียนที่ไม่เน้นวิทยาศาสตร์ เป็นพื้นฐานที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตประจําวัน และการศึกษาต่อ ระดับที่สูงขึ้น

" มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของแผนการ เรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ ผู้เรียนจะได้รับการ พัฒนาส่งเสริมให้มี ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ ด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องลึก ซึ้ง และกว้างขวางตามศักยภาพของตนเองให้ มากที่สุด อันจะเป็นพื้นฐานสู่ความเป็นเลิศทาง ด้านวิทยาศาสตร์ ศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้ วิทยาศาสตร์ได้

1. ปรับจากตัวชี้วัดช่วงชั้นในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 เป็นตัวชี้วัดชั้นปี

สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ได้เพิ่มสาระ เทคโนโลยี เข้าไปอยู่ในสาระที่ 8 ซึ่งประกอบด้วย

" การออกแบบและเทคโนโลยี และวิทยาการ คํานวณ ทั้งนี้เพื่อเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ บูรณาการสาระทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กับกระบวนการเชิงวิศวกรรม ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา

กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ได้เพิ่ม สาระภูมิศาสตร์ เข้าไป โดยในกลุ่ม สาระยังคงมาตรฐานการเรียนรู้เดิม แต่ ปรับ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับพัฒนาการตามช่วงวัย มีองค์ความรู้ที่ เป็นสากล เพิ่มความสามารถ ทักษะ และกระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ ที่ชัดเจนขึ้น

เงื่อนไขและระยะเวลาการใช้มาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัด

เงื่อนไขและระยะเวลาการใช้มาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการ เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ให้เป็นไป ดังนี้

1. ปีการศึกษา 2561 ให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 4 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4

2 ปีการศึกษา 2562 ให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

24 และ 5 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 24 และ 5

3. ตั้งแต่ปีการศึกษา 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้ในทุก

ชั้นเรียน

ที่มา : คําสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. 1239 / 2560 เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ สาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551


แบบทดสอบ

1.  ข้อใดไม่ใช่หลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  ๒๕๕๑
ก.   เป็นหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ข.   เป็นหลักสูตรที่สนองการกระจายอำนาจ
ค.   เป็นหลักสูตรเน้นการมีคุณธรรม จริยธรรม
ง.    เป็นหลักสูตรเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ

2.   คำว่า ซื่อสัตย์สุจริต กำหนดไว้ในส่วนใดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช   
       ๒๕๕๑
               ก.   สาระการเรียนรู้
               ข.   มาตรฐานการเรียนรู้
               ค.   คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 
               ง.   สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

3.   ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด
               ก.   การจัดทำคำอธิบายรายวิชาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดและ สาระการเรียนรู้
               ข.   การจัดทำคำอธิบายรายวิชาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดและคุณลักษณะ

               ค.   การจัดทำคำอธิบายรายวิชาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดและสมรรถนะ
               ง.   การจัดทำคำอธิบายรายวิชาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดและเป้าหมาย
4.   ขั้นตอนแรกของการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาคือข้อใด
               ก.   ออกแบบหลักสูตร
               ข.   กำหนดโครงสร้างหลักสูตร
               ค.   กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์
               ง.   ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

5.   การจัดการศึกษาต้องมีคุณภาพ ข้อใดสามารถบ่งชี้คำว่าคุณภาพได้
               ก.   การนำหลักสูตรไปใช้
               ข.   การใช้สื่อประกอบการสอน
               ค.   มีกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
               ง.   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงขึ้น

6.หลักสูตรใหม่มี ข้อ คือ
ตอบ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสําหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล

2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชนที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับ การศึกษาอย่างเสมอภาคและมีคุณภาพ

3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอํานาจ ให้สังคมมี ส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น

4. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการ เรียนรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้

5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ

6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสําหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์


7.จุดมุ่งหมายหลักสูตรใหม่รวบเป็น ข้อ คือ
ตอบ1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

2. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต

3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกําลังกาย

4. มีความรักชาติ มีจิตสํานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นใน วิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข

5. มีจิตสํานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และ พัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทําประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข


8.หลักสูตรใหม่เน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ ประการ คือ
ตอบ  ความสามารในการสื่อสาร 

         - ความสามารในการคิด 

         - ความสามารในการแก้ปัญหา

         - ความสามารในการใช้ทักษะชีวิต 

         - และความสามารในการใช้เทคโนโลยี

9.เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาจะต้องดําเนินการเป็น 2 ประเภทได้แก่
ตอบ  - เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด
         - เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากําหนด

10.วิสัยทัศน์ หมายถึง
ตอบ มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็น กําลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม จิตสํานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จําเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอด ชีวิต

 เอกสารอ้างอิง

ข้อสอบครูชุดที่ 1 การพัฒนาหลักสูตร พร้อมเฉลย(2562)

.13 กันยายน 2564.จากhttp://kruhome.blogspot.com/2019/10/1_18.html

Dr.Anusorn Hongkhunthod. (2560). สรุปหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปรับปรุง. sites Online ผ่าน google เข้าถึงเมื่อ 4 กันยายน 2564 http://krukob.com/web/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3/?fbclid=IwAR3y4foVtXywboieRSeoZ6qKOp11duetWSK-6lK3psL1n_OpuDf8f0rM4ow

kruesantutor. (2557). สรุปหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน. sites Online ผ่าน google เข้าถึงเมื่อ 4 กันยายน 2564 https://kruesantutor.files.wordpress.com/2013/04/e0b8aae0b8a3e0b8b8e0b89be0b8abe0b8a5e0b8b1e0b881e0b8aae0b8b9e0b895e0b8a3e0b981e0b881e0b899e0b881e0b8a5e0b8b2e0b887e0b881e0b8b2e0b8a3.pdf