วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564

วิธีการและเครื่องมือประเมินหลักสูตร

 10.1 การประเมินหลักสูตรจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ 

        การประเมินหลักสูตรหมายถึง กระบวนการการเก็บรวบรวมข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลเพื่อนำมาตัดสินใจเกี่ยวกับคุณภาพทั้งประสิทธิภาพและประเมินผลของหลักสูตรรวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตรนั้นในอนาคต แนวคิดการประเมินหลักสูตรประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญ ดังนี้
        1. การประเมินเป็นการประเมินค่าของเรื่องที่ตัดสินใจ
        2. การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน
        3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา
        4. เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบจำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
แนวคิดการประเมินหลักสูตร
        การประเมินตามจุดประสงค์(goal-based) เป็นการตัดสินใจตามจุดประสงค์ของการศึกษาหรือ โปรแกรมการฝึกอบรม
        การประเมินที่ไม่ยึดจุดประสงค์(goal-free) การตัดสินใจที่มีความเป็นอิสระจากผลที่เกิดจากโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มานอกเหนือจากหลักสูตร
        การประเมินตามหน้าที่(Rsponsive/contingency-unforeseen event) เป็นการเปรียบเทียบความมุ่งมั่นในการสอนและผลที่เกิดขึ้นจริงที่สังเกตได้
        การประเมินที่มุ่งการตัดสินใจ(the decisio-making)เป็นการเก็บรวรวมข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาหรือโปรแกรมโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการตัดสินใจยุติหรือดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นการเติมเต็มสิ่งที่บกพร่องและไม่ควรตั้งคำถามว่าจะยกเลิกหรือดำเนินการต่อแต่ควรจะปรับปรุงในสิ่งที่ยังขาด
        การประเมินการับรอง(the accreditation)เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับการรับรอบกระวนการของการพัฒนาวิชาชีพในการจัดการศึกษาหรือโปรแกรมการฝึกอบรม


10.2 การประเมินขั้นออกแบบหรือร่างหลักสูตร

        ผลจากการประเมินในขั้นตอนแรกทําให้ผู้ที่พัฒนาหลักสูตรตัดสินใจได้ว่าหลักสูตรนั้นมีความคุ้มค่าที่จะ พัฒนาหรือไม่ ถ้าตัดสินใจว่าหลักสูตรที่จะพัฒนาขึ้นนั้นมีความคุ้มค่า และสอดคล้องกับความต้องการจําเป็น ตามสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง นโยบายของการจัดการศึกษาแล้ว ขั้นต่อไปก็คือผู้ที่พัฒนาหลักสูตรจะต้อง ดําเนินการออกแบบ หรือร่างหลักสูตรขึ้นมา ซึ่งจุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตรในขั้นตอนนี้ก็คือเพื่อ พิจารณาความชัดเจน และความสอดคล้องขององค์ประกอบของหลักสูตรแต่ละองค์ประกอบ ได้แก่ ปรัชญา วัตถุประสงค์ โครงสร้างรายวิชา การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผล เพื่อให้ได้หลักสูตร ฉบับร่างที่มีความเหมาะสมแก่การนําไปใช้ต่อไป

10.3 การประเมินหลักสูตรก่อนการนำหลักสูตรไปใช้
       การประเมินหลักสูตรก่อนการนำหลักสูตรไปใช้ เป็นการตรวจสอบทบทวนว่าหลักสูตรมีคุณค่าหรือสามารถตอบสนองความต้องการจำเ็นอผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ด้วยการประเมินเอกสารหลักสูตร สื่ออุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน วิชัย วงษ์ใหญ่ (2554: 122-125) สรุปขั้นตอนการประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ 4 ขั้นตอน คือ 
            1) กำหนดจุดมุ่งหมายการระเมินหลักสูตร
            2) วางแผนดำเนินการประเมิน
            3) ทดลองใช้หลักสูตรฉบับร่าง เป็นการทดลองใช้หลักสูตรนำร่อง
            4) การประเมินผลจากการทดลองใช้และนำผลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงหลักสูตรก่อนนำไปใช้จริง     


10.4 การประเมินหลักสูตรระหว่างดำเนินการใช้หลักสูตร

        การประเมินหลักสูตรระหว่างการนำหลักสูตรไปใช้ เมื่อนักพัฒนาทำลองหลักสูตรนำร่องแล้ว การประเมินการนำไปใช้ ให้ความสำคัญกับ ระบบบริหารจัดการหลักสูตร และกระบวนการเรียนการสอน การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร ให้ความสำคัญกับการออกแบบการเรียนการสอน การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และมีเครื่องมือวัดความก้าวหน้าของผู้เรียน วิชัย วงษ์ใหญ่ เสนอแนวคิดการประเมินไว้ 3 ประเด็น ดังนี้ 
            1)การประเมินระบบบริหารและการจัดการหลักสูตร
            2) การประเมินการจัดกระบวนการเรียนการสอน
            3) การปะรเมินระบบบริหารและวิธีการนิเทศกำกับดูแล

10.5 การประเมินหลังจากการใช้หลักสูตรครบวงจร

        การประเมินหลักสูตรหลังการนำหลักสูตรไปใช้ เป็นการประเมินระบบหลักสูตรซึ่ง จะประเมินทุกองค์ประกอบอย่างละเอียด เช่น ทรัพยากรที่ต้องใช้ ความสัมพันธ์ของระบบหลักสูตรกับระบบบริหาร โรงเรียน ระบบการจัดการเรียนการสอน และระบบการวัดและประเมินผลการเรียนการสอน เป็นต้น

10.6 การประเมินผลกระทบของหลักสูตร

        หลังจากได้มีการนําหลักสูตรไปใช้จนเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นต่อไปอาจมีการประเมินผลกระทบของหลักสูตร โดยมีจุดมุ่งหมายของการประเมินเพื่อดูว่าเกิดผลกระทบอะไรบ้างมาจากหลักสูตร โดยพิจารณาทั้งในด้านบวก และด้านลบ เช่น ตูว่านักเรียนที่จบจากหลักสูตรสามารถสอบเข้าศึกษาต่อได้มากน้อยเพียงใด และมีผลการเรียน เป็นอย่างไร หรือดูว่าบัณฑิตที่จบสามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในสังคมมากน้อยเพียงใด


10.7 หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร

เนื่องจากการประเมินหลักสูตรเป็นสิ่งที่มีความละเอียดอ่อน ดังนั้นผู้ที่ทําหน้าที่ประเมินหลักสูตร จําเป็นต้องยึดหลักการที่สําคัญในการประเมินหลักสูตรเพื่อให้การประเมินผลหลักสูตรเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ซึ่งหลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร มีดังนี้

1. มีวัตถุประสงค์ในการประเมินที่แน่นนอน ชัดเจนว่าประเมินหลักสูตรไปเพื่ออะไร

        2. มีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยมีการเครื่องมือ กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล และเกณฑ์ที่ เชื่อถือได้

        3. ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความจําเป็นอย่างยิ่งสําหรับการประเมินผล ดังนั้นข้อมูลที่ได้มาจะต้องถูกต้อง เชื่อถือได้ และมากพอที่จะใช้ประเมินหลักสูตร

        4. มีขอบเขตในการประเมินหลักสูตรที่แน่นอนชัดเจน 

        5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ 

        6. การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องกระทําอย่างระมัดระวังรอบคอบ และมีความเที่ยงตรง 

        7. การประเมินหลักสูตรควรใช้วิธีการประเมินหลากหลายวิธี 

        8. มีเอกภาพในการตัดสินใจผลกาประเมิน

        9. ผลต่าง ๆ ที่ได้จากการประเมินควรนําไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด


10.8 ขั้นตอนในการประเมนหลักสูตร

        การประเมินผลักสูตรเป็นกระบวนการในการพิจารณาคุณค่าของหลักสูตรโดยใช้กระบวนการที่เป็น ลําดับขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนของการประเมินหลักสูตรมีดังนี้
        1. ขั้นกําหนดคําถาม วัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการประเมิน การกําหนดคําถาม และจุดมุ่งหมาย ในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดําเนินประเมินหลักสูตร ผู้ประเมินหลักสูตรต้องกําหนด วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการประเมินหลักสูตรให้ชัดเจนว่าประเมินเพื่ออะไร ในส่วนใด ด้วยวัตถุประสงค์ อย่างไร เช่น ต้องการประเมินเอกสารหลักสูตรเพื่อความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และสามารถนําไปใช้ได้มากน้อย เพียงใด การกําหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินที่ชัดเจนทําให้สามารถกําหนดวิธีการ เครื่องมือ และขั้นตอนใน การประเมินได้อย่างชัดเจนถูกต้องด้วย และยังทําให้การประเมินหลักสูตรดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ ถูกต้องเป็นที่น่าเชื่อถือ
        2. ขั้นกําหนดหลักเกณฑ์วิธีการที่จะใช้ในการประเมินผล การกําหนดเกณฑ์และวิธีการประเมิน เปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนําไปสู่เป้าหมายการประเมิน เกณฑ์การประเมินจะเป็นเครื่องมือบ่งชี้คุณภาพในส่วน ของหลักสูตรที่ถูกประเมิน การกําหนดวิธีการที่จะใช้ในการประเมินผลทําให้เราสามารถนําเดินการไปตาม ขั้นตอนได้อย่างราบรื่น

        3. ขั้นสร้างเครื่องมือ และกําหนดวิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน หรือ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสําคัญที่จะทําให้ผลการประเมินนั้นน่าเชื่อถือมากน้อย เพียงใด ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจึงเป็นขั้นตอนที่ สําคัญ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน หรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นมีหลายอย่าง ซึ่งผู้ประเมินต้อง เลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพ มีความเที่ยงตรง และน่าเชื่อถือได้

        4. ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตาม ขอบเขตและระยะเวลาที่ได้กําหนดไว้ ในบ้างครั้งอาจต้องอาศัยผู้อื่นในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนั้นจึงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของผู้ที่จะมาช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย เพราะผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีผลต่อความ น่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้มาด้วยเช่นกัน

        5. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะต้องกําหนดวิธีการจัดระบบข้อมูล พิจารณาเลือกใช้สถิติที่ เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กําหนดไว้เพื่อการแปล ความหมาย

        6. ขั้นสรุปผลวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการประเมิน ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะสรุปและรายงานผล การวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น ผู้ประเมินจะต้องพิจารณารูปแบบของการรายงานผลว่าควรจะเป็นรูปแบบใด และ การรายงานผลจะมุ่งเสนอข้อมูลที่บ่งชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรมีคุณภาพหรือไม่ เพียงใด ส่วนใดบ้างที่ควรปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิก

        7. ขั้นนําผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาส




10.9 การประเมินหลักสูตรแบบซิป (CIPP Model)

        แบบจำลองหรือโมเดลการประเมินแบบซิปป์ หรือ CIPP Model ของสตัฟเฟิลบีม (Danial . L. Stufflebeam) เป็นโมเดลที่ได้รับการยอมรับกันทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่ง สตัฟเฟิลบีม และคณะ ได้เขียนหนังสือทางการประเมินออกมาหนึ่งเล่ม ชื่อ “Educational Evaluation and decision Making” หนังสือเล่มนี้ ได้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง เพราะให้แนวคิดและวิธีการทางการวัดและประเมินผล ได้อย่างน่าสนใจและทันสมัยด้วย นอกจากนั้น สตัฟเฟิลบีมก็ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการประเมินและรูปแบบของการประเมินอีกหลายเล่มอย่างต่อเนื่อง จึงกล่าวได้ว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีการประเมิน จนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในปัจจุบัน เรียกว่า CIPP Model
        1. การประเมินด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation : C) เป็นการประเมินให้ได้ข้อมูลสำคัญ เพื่อช่วยในการกำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ ความเป็นไปได้ของโครงการ เป็นการตรวจสอบว่าโครงการที่จะทำสนองปัญหาหรือความต้องการจำเป็นที่แท้จริงหรือไม่ วัตถุประสงค์ของโครงการชัดเจน เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายขององค์การ หรือ นโยบายหน่วยเหนือหรือไม่ เป็นโครงการที่มีความเป็นไปได้ในแง่ของโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ หรือไม่ เป็นต้น
        การประเมินสภาวะแวดล้อมจะช่วยในการตัดสินเกี่ยวกับเรื่อง โครงการควรจะทำในสภาพแวดล้อมใด ต้องการจะบรรลุเป้าหมายอะไร หรือต้องการบรรลุวัตถุประสงค์เฉพาะอะไร เป็นต้น
        2. การประเมินปัจจัยเบื้องต้นหรือปัจจัยป้อน (Input Evaluation : I ) เป็นการประเมินเพื่อพิจารณาถึง ความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสม และความพอเพียงของทรัพยากรที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ เช่น งบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เวลา รวมทั้งเทคโนโลยีและแผนการดำเนินงาน เป็นต้น
        การประเมินผลแบบนี้จะทำโดยใช้ เอกสารหรืองานวิจัยที่มีผู้ทำไว้แล้ว หรือใช้วิธีการวิจัยนำร่องเชิงทดลอง (Pilot Experimental Project) ตลอดจนอาจให้ผู้เชี่ยวชาญ มาทำงานให้ อย่างไรก็ตาม การประเมินผลนี้จะต้องสำรวจสิ่งที่มีอยู่เดิมก่อนว่ามีอะไรบ้าง และตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการใด ใช้แผนการดำเนินงานแบบไหน และต้องใช้ทรัพยากรจากภายนอก หรือไม่
        3. การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P ) เป็นการประเมินระหว่างการดำเนินงานโครงการ เพื่อหาข้อบกพร่องของการดำเนินโครงการ ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การดำเนินการช่วงต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรที่ใช้ในโครงการ ภาวะผู้นำ การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการ โดยมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกขั้นตอน การประเมินกระบวนการนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดด้อย (Weakness) ของนโยบาย/แผนงาน/โครงการ มักจะไม่สามารถศึกษาได้ภายหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้ว
        การประเมินกระบวนการจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ ๆ เพื่อการตรวจสอบการดำเนินของโครงการโดยทั่วไป การประเมินกระบวนการมีจุดมุ่งหมาย คือ
            3.1 เพื่อการหาข้อบกพร่องของโครงการ ในระหว่างที่มีการปฏิบัติการ หรือการดำเนินงานตามแผนนั้น
            3.2 เพื่อหาข้อมูลต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงาน ของโครงการ
            3.3 เพื่อการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการดำเนินงานของโครงการ
        4. การประเมินผลผลิต (Product Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบผลผลิตที่เกิดขี้นกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือความต้องการ/ เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งการพิจารณาในประเด็นของการยุบ เลิก ขยาย หรือปรับเปลี่ยนโครงการและการประเมินผล เรื่องผลกระทบ (Impact) และผลลัพธ์( Outcomes ) ของนโยบาย / แผนงาน / โครงการ โดยอาศัยข้อมูลจากการประเมินสภาวะแวดล้อม ปัจจัยเบื้องต้นและกระบวนการร่วมด้วย จะเห็นได้ว่า การประเมินแบบ CIPP เป็นการประเมินที่ครอบคลุมองค์ประกอบของระบบทั้งหมด ซึ่งผู้ประเมินจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน กำหนดประเด็นของตัวแปรหรือตัวชี้วัด กำหนดแหล่งข้อมูลผู้ให้ข้อมูล กำหนดเครื่องมือการประเมิน วิธีการที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล กำหนดแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล และเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน

แบบทดสอบ

1.การคิดที่ยึดหลักความดี มุ่งประโยชน์ส่วนรวม เน้นศักดิ์ศรีจัดเป็น

   ก.   การคิดเชิงรับผิดชอบ

   ข.   การคิดเชิงกลยุทธ์

   ค.   การคิดเชิงระบบ

   ง.   การคิดเชิงจริยธรรม

2.ถ้าท่านพบข้อขัดข้องในงานที่อยากจะขจัดให้หมดไปท่านควรอาศัยการคิด

   ก.   เชิงวิพากษ์

   ข.   เชิงเปรียบเทียบ

   ค.   เชิงวิจารณญาณ

   ง.   เชิงแก้ปัญหา

 3.การคิดแบบใดที่ต้องอาศัยความสามารถในการคิดทุกแบบช่วยสนับสนุน

   ก.   การคิดเชิงอนาคต

   ข.   การคิดเชิงสังเคราะห์

   ค.   การคิดเชิงรุก

   ง.   การคิดเชิงประยุกต์

 4.เครื่องมือช่วยการคิด เพื่อเพิ่มคุณภาพการคิด ได้แก่

   ก.   แผนที่ความคิด แผนผังเมทริกซ์ และแผนผังสาเหตุและผล

   ข.   แผนภูมิกราฟ แผนผังความสัมพันธ์ และกิจกรรมการระดมสมอง

   ค.   ไม่ใช้ทั้ง ก. และ ข.

   ง.   ใช้ทั้ง ก. และ ข

5.แผนที่ความคิด หมายถึง

   ก.   การจัดแสดงความคิดที่เป็นระบบในภาพรวมอย่างง่าย

   ข.   การจัดลำดับขั้นตอนการคิดตามระยะเวลาและเนื้อหา

   ค.   การนำความคิดทั้งหมดมาเขียนบอกทิศทางไว้ร่วมกัน

   ง.   การออกแบบตำแหน่งเส้นทางของเรื่องที่คิด


6.แบบจำลองหรือโมเดลการประเมินแบบซิปป์หรือ CIPP Model  เป็นโมเดลของบุคคลใด

ตอบ

แนวคำตอบ สตัฟเฟิลบีม (Danial . L. Stufflebeam)

7.หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตรมีอะไรบ้าง

ตอบ

แนวคำตอบ 1. มีวัตถุประสงค์ในการประเมินที่แน่นนอน ชัดเจนว่าประเมินหลักสูตรไปเพื่ออะไร

        2. มีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยมีการเครื่องมือ กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล และเกณฑ์ที่ เชื่อถือได้

        3. ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความจําเป็นอย่างยิ่งสําหรับการประเมินผล ดังนั้นข้อมูลที่ได้มาจะต้องถูกต้อง เชื่อถือได้ และมากพอที่จะใช้ประเมินหลักสูตร

        4. มีขอบเขตในการประเมินหลักสูตรที่แน่นอนชัดเจน 

        5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ 

        6. การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องกระทําอย่างระมัดระวังรอบคอบ และมีความเที่ยงตรง 

        7. การประเมินหลักสูตรควรใช้วิธีการประเมินหลากหลายวิธี 

        8. มีเอกภาพในการตัดสินใจผลกาประเมิน

        9. ผลต่าง ๆ ที่ได้จากการประเมินควรนําไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

8.ขั้นตอนการประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ 4 ขั้นตอน  มีอะไรบ้าง 

ตอบ

แนวคำตอบ   1) กำหนดจุดมุ่งหมายการระเมินหลักสูตร

                       2) วางแผนดำเนินการประเมิน
                       3) ทดลองใช้หลักสูตรฉบับร่าง เป็นการทดลองใช้หลักสูตรนำร่อง
                       4) การประเมินผลจากการทดลองใช้และนำผลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงหลักสูตรก่อน                              นำไปใช้จริง     

9.Rsponsive/contingency-unforeseen event มีความหมายว่าอย่างไร

ตอบ

เเนวคำตอบ การเปรียบเทียบความมุ่งมั่นในการสอนและผลที่เกิดขึ้นจริงที่สังเกตได้

10.สตัฟเฟิลบีม และคณะ ได้เขียนหนังสือทางการประเมินออกมาหนึ่งเล่ม ชื่อว่าอะไร

ตอบ 

แนวคำตอบEducational Evaluation and decision Making

อ้างอิง

วสันต์ ทองไทย. (ม.ม.ป.). การประเมินหลักสูตรจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ.วันที่สืบค้น 24 สิงหาคม 2564,
 สืบค้นจาก http://doed.edu.ku.ac.th/article/eva_curri.pdf
วิลาสินี สังข์ป่า. (2561). การพัฒนาหลักสูตร. วันที่สืบค้น 30 สิงหาคม 2564,
 สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/wilasinee051curriculum/home

แนวข้อสอบ E-learning ก.พ.(2558).วันที่สืบค้น 30 สิงหาคม 2564,

สืบค้นจากhttps://www.sorbdee.net/form_show_allnews.php?idsara=333

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น