10.1 การประเมินหลักสูตรจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ
2. การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน
3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา
4. เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบจำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
การประเมินตามจุดประสงค์(goal-based) เป็นการตัดสินใจตามจุดประสงค์ของการศึกษาหรือ โปรแกรมการฝึกอบรม
การประเมินที่ไม่ยึดจุดประสงค์(goal-free) การตัดสินใจที่มีความเป็นอิสระจากผลที่เกิดจากโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มานอกเหนือจากหลักสูตร
การประเมินตามหน้าที่(Rsponsive/contingency-unforeseen event) เป็นการเปรียบเทียบความมุ่งมั่นในการสอนและผลที่เกิดขึ้นจริงที่สังเกตได้
การประเมินที่มุ่งการตัดสินใจ(the decisio-making)เป็นการเก็บรวรวมข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาหรือโปรแกรมโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการตัดสินใจยุติหรือดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นการเติมเต็มสิ่งที่บกพร่องและไม่ควรตั้งคำถามว่าจะยกเลิกหรือดำเนินการต่อแต่ควรจะปรับปรุงในสิ่งที่ยังขาด
การประเมินการับรอง(the accreditation)เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับการรับรอบกระวนการของการพัฒนาวิชาชีพในการจัดการศึกษาหรือโปรแกรมการฝึกอบรม
การประเมินหลักสูตรระหว่างการนำหลักสูตรไปใช้ เมื่อนักพัฒนาทำลองหลักสูตรนำร่องแล้ว การประเมินการนำไปใช้ ให้ความสำคัญกับ ระบบบริหารจัดการหลักสูตร และกระบวนการเรียนการสอน การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร ให้ความสำคัญกับการออกแบบการเรียนการสอน การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และมีเครื่องมือวัดความก้าวหน้าของผู้เรียน วิชัย วงษ์ใหญ่ เสนอแนวคิดการประเมินไว้ 3 ประเด็น ดังนี้
เนื่องจากการประเมินหลักสูตรเป็นสิ่งที่มีความละเอียดอ่อน ดังนั้นผู้ที่ทําหน้าที่ประเมินหลักสูตร จําเป็นต้องยึดหลักการที่สําคัญในการประเมินหลักสูตรเพื่อให้การประเมินผลหลักสูตรเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ซึ่งหลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร มีดังนี้
1. มีวัตถุประสงค์ในการประเมินที่แน่นนอน ชัดเจนว่าประเมินหลักสูตรไปเพื่ออะไร
2. มีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยมีการเครื่องมือ กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล และเกณฑ์ที่ เชื่อถือได้
3. ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความจําเป็นอย่างยิ่งสําหรับการประเมินผล ดังนั้นข้อมูลที่ได้มาจะต้องถูกต้อง เชื่อถือได้ และมากพอที่จะใช้ประเมินหลักสูตร
4. มีขอบเขตในการประเมินหลักสูตรที่แน่นอนชัดเจน
5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
6. การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องกระทําอย่างระมัดระวังรอบคอบ และมีความเที่ยงตรง
7. การประเมินหลักสูตรควรใช้วิธีการประเมินหลากหลายวิธี
8. มีเอกภาพในการตัดสินใจผลกาประเมิน
9. ผลต่าง ๆ ที่ได้จากการประเมินควรนําไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
3. ขั้นสร้างเครื่องมือ และกําหนดวิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน หรือ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสําคัญที่จะทําให้ผลการประเมินนั้นน่าเชื่อถือมากน้อย เพียงใด ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจึงเป็นขั้นตอนที่ สําคัญ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน หรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นมีหลายอย่าง ซึ่งผู้ประเมินต้อง เลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพ มีความเที่ยงตรง และน่าเชื่อถือได้
4. ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตาม ขอบเขตและระยะเวลาที่ได้กําหนดไว้ ในบ้างครั้งอาจต้องอาศัยผู้อื่นในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนั้นจึงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของผู้ที่จะมาช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย เพราะผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีผลต่อความ น่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้มาด้วยเช่นกัน
5. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะต้องกําหนดวิธีการจัดระบบข้อมูล พิจารณาเลือกใช้สถิติที่ เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กําหนดไว้เพื่อการแปล ความหมาย
6. ขั้นสรุปผลวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการประเมิน ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะสรุปและรายงานผล การวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น ผู้ประเมินจะต้องพิจารณารูปแบบของการรายงานผลว่าควรจะเป็นรูปแบบใด และ การรายงานผลจะมุ่งเสนอข้อมูลที่บ่งชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรมีคุณภาพหรือไม่ เพียงใด ส่วนใดบ้างที่ควรปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิก
7. ขั้นนําผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาส
1. การประเมินด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation : C) เป็นการประเมินให้ได้ข้อมูลสำคัญ เพื่อช่วยในการกำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ ความเป็นไปได้ของโครงการ เป็นการตรวจสอบว่าโครงการที่จะทำสนองปัญหาหรือความต้องการจำเป็นที่แท้จริงหรือไม่ วัตถุประสงค์ของโครงการชัดเจน เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายขององค์การ หรือ นโยบายหน่วยเหนือหรือไม่ เป็นโครงการที่มีความเป็นไปได้ในแง่ของโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ หรือไม่ เป็นต้น
การประเมินสภาวะแวดล้อมจะช่วยในการตัดสินเกี่ยวกับเรื่อง โครงการควรจะทำในสภาพแวดล้อมใด ต้องการจะบรรลุเป้าหมายอะไร หรือต้องการบรรลุวัตถุประสงค์เฉพาะอะไร เป็นต้น
2. การประเมินปัจจัยเบื้องต้นหรือปัจจัยป้อน (Input Evaluation : I ) เป็นการประเมินเพื่อพิจารณาถึง ความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสม และความพอเพียงของทรัพยากรที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ เช่น งบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เวลา รวมทั้งเทคโนโลยีและแผนการดำเนินงาน เป็นต้น
การประเมินผลแบบนี้จะทำโดยใช้ เอกสารหรืองานวิจัยที่มีผู้ทำไว้แล้ว หรือใช้วิธีการวิจัยนำร่องเชิงทดลอง (Pilot Experimental Project) ตลอดจนอาจให้ผู้เชี่ยวชาญ มาทำงานให้ อย่างไรก็ตาม การประเมินผลนี้จะต้องสำรวจสิ่งที่มีอยู่เดิมก่อนว่ามีอะไรบ้าง และตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการใด ใช้แผนการดำเนินงานแบบไหน และต้องใช้ทรัพยากรจากภายนอก หรือไม่
3. การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P ) เป็นการประเมินระหว่างการดำเนินงานโครงการ เพื่อหาข้อบกพร่องของการดำเนินโครงการ ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การดำเนินการช่วงต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรที่ใช้ในโครงการ ภาวะผู้นำ การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการ โดยมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกขั้นตอน การประเมินกระบวนการนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดด้อย (Weakness) ของนโยบาย/แผนงาน/โครงการ มักจะไม่สามารถศึกษาได้ภายหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้ว
การประเมินกระบวนการจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ ๆ เพื่อการตรวจสอบการดำเนินของโครงการโดยทั่วไป การประเมินกระบวนการมีจุดมุ่งหมาย คือ
3.1 เพื่อการหาข้อบกพร่องของโครงการ ในระหว่างที่มีการปฏิบัติการ หรือการดำเนินงานตามแผนนั้น
3.2 เพื่อหาข้อมูลต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงาน ของโครงการ
3.3 เพื่อการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการดำเนินงานของโครงการ
4. การประเมินผลผลิต (Product Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบผลผลิตที่เกิดขี้นกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือความต้องการ/ เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งการพิจารณาในประเด็นของการยุบ เลิก ขยาย หรือปรับเปลี่ยนโครงการและการประเมินผล เรื่องผลกระทบ (Impact) และผลลัพธ์( Outcomes ) ของนโยบาย / แผนงาน / โครงการ โดยอาศัยข้อมูลจากการประเมินสภาวะแวดล้อม ปัจจัยเบื้องต้นและกระบวนการร่วมด้วย จะเห็นได้ว่า การประเมินแบบ CIPP เป็นการประเมินที่ครอบคลุมองค์ประกอบของระบบทั้งหมด ซึ่งผู้ประเมินจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน กำหนดประเด็นของตัวแปรหรือตัวชี้วัด กำหนดแหล่งข้อมูลผู้ให้ข้อมูล กำหนดเครื่องมือการประเมิน วิธีการที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล กำหนดแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล และเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน
1.การคิดที่ยึดหลักความดี มุ่งประโยชน์ส่วนรวม
เน้นศักดิ์ศรีจัดเป็น
ก. การคิดเชิงรับผิดชอบ
ข. การคิดเชิงกลยุทธ์
ค. การคิดเชิงระบบ
ง. การคิดเชิงจริยธรรม
2.ถ้าท่านพบข้อขัดข้องในงานที่อยากจะขจัดให้หมดไปท่านควรอาศัยการคิด
ก. เชิงวิพากษ์
ข. เชิงเปรียบเทียบ
ค. เชิงวิจารณญาณ
ง. เชิงแก้ปัญหา
ก. การคิดเชิงอนาคต
ข. การคิดเชิงสังเคราะห์
ค. การคิดเชิงรุก
ง. การคิดเชิงประยุกต์
ก. แผนที่ความคิด แผนผังเมทริกซ์
และแผนผังสาเหตุและผล
ข. แผนภูมิกราฟ
แผนผังความสัมพันธ์ และกิจกรรมการระดมสมอง
ค. ไม่ใช้ทั้ง ก. และ ข.
ง. ใช้ทั้ง ก. และ ข
5.แผนที่ความคิด หมายถึง
ก.
การจัดแสดงความคิดที่เป็นระบบในภาพรวมอย่างง่าย
ข.
การจัดลำดับขั้นตอนการคิดตามระยะเวลาและเนื้อหา
ค.
การนำความคิดทั้งหมดมาเขียนบอกทิศทางไว้ร่วมกัน
ง.
การออกแบบตำแหน่งเส้นทางของเรื่องที่คิด
6.แบบจำลองหรือโมเดลการประเมินแบบซิปป์หรือ CIPP Model เป็นโมเดลของบุคคลใด
ตอบ
แนวคำตอบ สตัฟเฟิลบีม (Danial . L. Stufflebeam)
7.หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตรมีอะไรบ้าง
ตอบ
แนวคำตอบ 1. มีวัตถุประสงค์ในการประเมินที่แน่นนอน ชัดเจนว่าประเมินหลักสูตรไปเพื่ออะไร
2. มีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยมีการเครื่องมือ กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล และเกณฑ์ที่ เชื่อถือได้
3. ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความจําเป็นอย่างยิ่งสําหรับการประเมินผล ดังนั้นข้อมูลที่ได้มาจะต้องถูกต้อง เชื่อถือได้ และมากพอที่จะใช้ประเมินหลักสูตร
4. มีขอบเขตในการประเมินหลักสูตรที่แน่นอนชัดเจน
5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
6. การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องกระทําอย่างระมัดระวังรอบคอบ และมีความเที่ยงตรง
7. การประเมินหลักสูตรควรใช้วิธีการประเมินหลากหลายวิธี
8. มีเอกภาพในการตัดสินใจผลกาประเมิน
9. ผลต่าง ๆ ที่ได้จากการประเมินควรนําไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
8.ขั้นตอนการประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ 4 ขั้นตอน มีอะไรบ้าง
ตอบ
แนวคำตอบ 1) กำหนดจุดมุ่งหมายการระเมินหลักสูตร
9.Rsponsive/contingency-unforeseen event มีความหมายว่าอย่างไร
ตอบ
เเนวคำตอบ การเปรียบเทียบความมุ่งมั่นในการสอนและผลที่เกิดขึ้นจริงที่สังเกตได้
10.สตัฟเฟิลบีม และคณะ ได้เขียนหนังสือทางการประเมินออกมาหนึ่งเล่ม ชื่อว่าอะไร
ตอบ
แนวคำตอบEducational Evaluation and decision Making
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น