ความหมายของการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรหมายถึง กระบวนการการเก็บรวบรวมข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลเพื่อนำมาตัดสินใจเกี่ยวกับคุณภาพทั้งประสิทธิภาพและประเมินผลของหลักสูตรรวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตรนั้นในอนาคต แนวคิดการประเมินหลักสูตรประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญ ดังนี้
1.การประเมินเป็นการประเมินค่าของเรื่องที่ตัดสินใจ
2.การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน
3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา
4.เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบจำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร
ทาบา (Taba, 1962 : 310) ได้กล่าวไว้ว่า การประเมินหลักสูตรทำขึ้นเพื่อศึกษากระบวนการต่างๆ ที่กำหนดไว้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาการประเมินดังกล่าวจะครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดของหลักสูตรและกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่ จุดประสงค์ ขอบเขตของเนื้อหาสาระ คุณภาพของผู้ใช้บริหารและผู้ใช้หลักสูตร สมรรถภาพของผู้เรียน ความสัมพันธ์ของวิชาต่างๆ การใช้สื่อและวัสดุการสอน ฯลฯ
การประเมินหลักสูตร ก่อน ระหว่าง และหลังการนำหลักสูตรไปใช้
ขั้นตอนการประเมินหลักสูตร | จุดมุ่งหมายการประเมิน |
การประเมินหลักสูตรก่อนนำหลักสูตรไปใช้ | การประเมินเอกสารและคุณค่าของหลักสูตร |
การประเมินหลักสูตรระหว่างดำเนินการใช้หลักสูตร | การประเมินการนำไปใช้และผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร |
การประเมินหลักสูตรหลังนำหลักสูตรไปใช้ | การประเมินระบบหลักสูตร |
ขอบเขตในการประเมินหลักสูตร
เซเลอร์และอเล็กซานเดอร์ (Saylor and Alexander, 1981 : 265) ได้กล่าวถึงขอบเขตของการประเมินหลักสูตรไว้ดังนี้
1.การประเมินจุดมุ่งหมายของโรงเรียน จุดมุ่งหมายของหลักสูตร จุดมุ่งหมายเฉพาะวิชาและจุดมุ่งหมายในการสอน
2.การประเมินผลโครงการการศึกษาของโรงเรียนทั้งหมด
3.การประเมินผลการเลือกเนื้อหาและการจัดประสบการณ์เรียนและกิจกรรม
4.การประเมินผลการสอบ
5.การประเมินผลโครงการประเมินผล
หลักเกณฑ์การประเมินหลักสูตร
1. มีจุดประสงค์ในการประเมินที่แน่นอน การประเมินผลหลักสูตรจะต้องกำหนดลงไปให้แน่นอนชัดเจนว่าประเมินอะไร
2. มีการวัดที่เชื่อถือได้ โดยมีเครื่องมือและเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นที่ยอมรับ
3. ข้อมูลเป็นจริงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการประเมินผล ดังนั้น ข้อมูลจะต้องได้มาอย่างถูกต้องเชื่อถือได้และมากพอที่จะใช้เป็นตัวประเมินค่าหลักสูตรได้
4. มีขอบเขตที่แน่นอนชัดเจนว่าเราต้องการประเมินในเรื่องใดแค่ไหน
5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
6. การรวบรวมข้อมูลมาเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ และกำหนดเครื่องมือในการประเมินผล จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
7. การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องทำอย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้มีความเที่ยงตรงในการพิจารณา
8. การประเมินผลหลักสูตรควรใช้วิธีการหลายๆวิธี
9. มีเอกภาพในการตัดสินผลการประเมิน
10. ผลต่างๆที่ได้จากการประเมินควรนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในโอกาสต่อไป เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดีและมีคุณค่าสูงสุดตามที่ต้องการ
ขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร
1. ขั้นกำหนดวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการประเมินการกำหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดำเนินการประเมินหลักสูตร ผู้ประเมินต้องกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะประเมินอะไร จะทำให้เราสามารถกำหนดวิธีการ เครื่องมือ และขั้นตอนในการประเมินได้อย่างถูกต้อง
2. ขั้นกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการที่จะใช้ในการประเมินผล การกำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนำไปสู่เป้าหมายของการประเมิน เกณฑ์การประเมินจะเป็นเครื่องบ่งชี้คุณภาพในส่วนของหลักสูตรที่ถูกประเมิน การกำหนดวิธีการที่จะใช้ในการประเมินผลทำให้เราสามารถดำเนินงานไปตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น
3. ขั้นการสร้างเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่จะมีผลทำให้การประเมินนั้นน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผู้ประเมินจะต้องเลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพ มีความเชื่อถือได้และมีความเที่ยงตรงสูง
4. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล ในขั้นการรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตามขอบเขตและระยะเวลาที่กำหนดไว้ ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่รวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ
5. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะต้องกำหนดวิธีการจัดระบบข้อมูล พิจารณาเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ที่เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
6. ขั้นสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการประเมิน ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะสรุปและรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น ผู้ประเมินจะต้องพิจารณารูปแบบของการรายงานผลว่าควรจะเป็นรูปแบบใด และการรายงานผลจะมุ่งเสนอข้อมูลที่บ่งชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรมีคุณภาพหรือไม่ เพียงใด มีส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ปรับปรุงหรือยกเลิก
7. ขั้นนำผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไป
ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร
1. ทำให้ทราบหลักสูตรที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นนั้นมีจุดดีหรือจุดเสียตรงไหน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงได้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน
3. ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุนช่วยเหลือ หรือบริหารทางด้านใดบ้าง
4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา
5. ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้การเรียนการสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน
6. ให้ผู้ปกครองทราบความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาทางส่งเสริมและปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
7. ช่วยให้การประเมินผลเป็นระบบระเบียบ เพราะมีเครื่องมือ และหลักเกณฑ์ทำให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
8. ช่วยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของหลักสูตร
9. ช่วยให้สามารถวางแผนการเรียนในอนาคตได้ ข้อมูลของการประเมินผลหลักสูตร ทำให้ทราบเป้าหมายแนวทางและขอบเขตในการดำเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน
ปัญหาในการประเมินหลักสูตร
1. ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ทำให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน
2. ปัญหาด้านเวลา การกำหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตร ไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ทำให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนำมาปรับปรุงหลักสูตร
3. ปัญหาด้านความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการประเมินหลักสูตร คณะกรรมการประเมินหลักสูตรไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรที่จะประเมิน หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผล ทำให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ ขาดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งมีผลทำให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น
4. ปัญหาด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจากผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทำให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็นจริงหรือผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง
5.ปัญหาด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากการประเมินในเชิงปริมาณ ทำให้ได้ข้อค้นพบที่ผิวเผินไม่ลึกซึ้ง จึงควรมีการประเมินผลที่ใช้วิธีการประเมินเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
6.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบ การประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดำเนินงานน้อยมาก ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (Academic Achievement) เป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
7.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการประเมินหลักสูตรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมักไม่ประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
8.ปัญหาด้านเกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การประเมินหลักสูตรไม่ชัดเจน ทำให้ผลการประเมินไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้นำผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างจริงจัง
แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการประเมินหลักสูตร
1. ความเป็นมาและความสำคัญของการประเมินหลักสูตร
จากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย (2539 - 2540) ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางสังคม ในการร่วมกันผลักดันและปฎิรูปการเมืองโดยบุคคลหลายฝ่ายจากหลากหลายอาชีพด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชาชน พ.ศ.2540 ซึ่งได้มีการกำหนดให้รัฐต้องจัดทำกฎหมายแม่บททางการศึกษา สำหรับการบริหารและจัดการศึกษา (ปฏิรูปการศึกษา) ทำให้เกิดพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดทำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีผลให้มีการประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 ภายใต้ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ฉบับดังกล่าว ยังได้กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ สำหรับระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เกิดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจต่อสาธารณะว่า ผลผลิตทางการศึกษาจะได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้นั้น ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน อันเป็นการตรวจสอบ ประเมินผลการจัดการศึกษาโดยสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดและระบบการประกันคุณภาพภายนอก อันเป็นการตรวจสอบประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดย สมศ.
ในระบบการประกันคุณภาพภายในของทุกสถาบันการศึกษา มีการกำหนดให้มีการประเมินหลักสูตร เพื่อการปรับปรงหลักสูตรให้ทันสมัยและทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นตัวชี้วัดหรือเกณฑ์คุณภาพสำคัญตัวหนึ่ง สำหรับการประกันคุณภาพภายใน การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นร่องรอยของความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาหลักสูตร ความพยายามในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพและผลความสำเร็จของการผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพตรงตามหลักสูตรและความต้องการของสังคม พร้อมทั้งเป็นการรองรับการตรวจประเมินภายนอกจาก สมศ.
2. แนวคิดการประเมินหลักสูตร
ในการประเมินหลักสูตรนั้น ผู้ประเมินสามารถออกแบบการประเมินโดยพิจารณาแนวคิดของการประเมินหลักๆ 4 แนวทาง เพื่อเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง จากแต่ละแนวทางมาประสานเข้าด้วยกัน เป็นแนวคิดหลักของการประเมินหลักสูตร ดังนี้
2.1 การประเมินความก้าวหน้า หรือการประเมินสรุปรวม
การประเมินความก้าวหน้า เป็นการประเมินในขณะดำเนินการ ใช้หลักสูตรหรือการประเมินระหว่างทาง เพื่อให้ได้สารสนเทศสำหรับปรับปรุงกระบวนการบริหารและการใช้หลักสูตร ส่วนการประเมินสรุปรวมเป็นการประเมินผลสรุปรวมของหลักสูตร หรือการประเมินเมื่อครบวงจรของหลักสูตร เพื่อให้ได้สารสนเทศสำหรับการตัดสินผลสำเร็จของหลักสูตร
2.2การประเมินอย่างไม่เป็นทางการหรือการประเมินอย่างเป็นทางการ
การประเมินอย่างไม่เป็นทางการเป็นการประเมินที่ไม่มีแบบแผนที่เคร่งครัด การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปตามความสะดวกอย่างง่ายๆ เช่นการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ สอบถามอย่างไม่มีโครงสร้าง ไม่มีรูปแบบการวิเคราะห์ที่ชัดเจน ข้อสรุปมักเกิดขึ้นตามความรู้สึก หรือความคิดเห็นส่วนตัว ส่วนการประเมินอย่างเป็นทาง เป็นการประเมินที่มีระเบียบแบบแผน มีวัตถุประสงค์ การสร้างเครื่องมือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การสรุปตามเกณฑ์หรือมาตรฐาน และการรายงานด้วยลายลักษณ์อักษร
2.3 การประเมินผลทั้งหมด หรือการประเมินผลตามจุดมุ่งหมาย
การประเมินผลทั้งหมด เป็นการประเมินที่ครอบคลุมผลที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยผลทางตรงและผลทางอ้อม หรือผลกระทบโดยดียึดติดกับจุดมุ่งหมายเดิมของหลักสูตร ส่วยการประเมินผลตามจุดมุ่งหมายเป็นการประเมินผลตามที่ระบุไว้ในจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ว่าผลผลิตที่ได้บรรลุผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้หรือไม่เพียงใด
2.4การประเมินโดยผู้ประเมินภายนอกหรือการประเมินโดยผู้ประเมินภายใน
การประเมินโดยผู้ประเมินภายนอก เป็นการประเมินโดยใช้ใช้ผู้ประเมินที่เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ได้อยู่ในสังกัดของหน่วยงานหรือสถาบันนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักประเมินที่เชียวชาญ จากภายนอกที่เป็นกลาง ส่วนการประเมินโดยผู้ประเมินภายใน เป็นการประเมินโดยใช้ผู้ประเมินที่เป็นบุคคลภายในสังกัดหน่วยงานหรือสถานบันนั้นซึ่งเป็นผู้ประเมินที่อยู่ใกล้ชิดและเห็นกระบวนการใช้หลักสูตรมาโดยตลอด
จากแนวคิดการประเมินทั้ง 4 แนวทาง ผลประเมินสามารถเลือกขั้วใดขั้วหนึ่งของแต่ละแนวทาง เพื่อรวมเป็นแนวคิดหลักของการประเมินหลักสูตร แนวคิดการประเมินหลักสูตรตามแบบประเพณีนิยมจะมีลักษณะของการการประเมินเป็นแบบสรุปอย่างเป็นทางการยึดตามจุดมุ่งหมายและประเมินโดยผู้ประเมินภายใน อย่างไรก็ตามแนวคิดของการประเมินหลักสูตรที่เป็นทางเลือก ซึ่งแตกต่างจากแบบประเพณีนิยมดังกล่าว อันเกิดจากส่วนผสมของ 4 แนวทางนั้นยังมีอีกถึง 15 แนวทางเลือก ที่ผู้ประเมินสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์การประเมินหลักสูตร
3.ความหมายของการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเปรียบเสมือน กระจกสะท้อนคุณภาพของการดำเนินการเกี่ยวกับหลักสูตร ช่วยชี้แนะแนวทางปรับปรุงหลักสูตร ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น บริบทของการแข่งขันในศตวรรษที่ 21 ทุกสาขาวิชาต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนความสามารถด้านต่างๆ ที่ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนได้ ส่งผลให้หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนต้องบูรณาการทักษะที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพในโลกปัจจุบันและอนาคต
การประเมินหลักสูตร หมายถึง การศึกษารวบรวมข้อมูลของหลักสูตรทั้งหมดเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำการดำเนินการใช้และผลของการใช้หลักสูตรตลอดจนการตัดสินคุณค่าและคุณภาพของหลักสูตรแล้วนำมาวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจให้คุณค่าแก่หลักสูตรว่าหลักสูตรมีข้อดี จุดอ่อนในเรื่องใด รวมทั้งผลการใช้หลักสูตรและตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณค่าตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ การประเมินผลหลักสูตรเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรเพราะจะทำให้ทราบว่าหลักสูตร ประสบผลสำเร็จเพียงใด มีอะไรที่จะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป การประเมินหลักสูตรมี 3 ระยะหลัก ๆ คือ การประเมินหลักสูตรก่อนนำหลักสูตรไปใช้ การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร การประเมินหลังการใช้หลักสูตร ถ้าต้องการได้ข้อมูลที่เป็นภาพรวมของการพัฒนาหลักสูตรทั้งหมดเมื่อใช้หลักสูตรครบรอบแล้ว ก็ควรประเมินทั้งระบบหลักสูตร (วารีรัตน์ แก้วอุไร.2555)
มารุต พัฒผล (2558) กล่าวว่า การประเมินหลักสูตร หมายถึง การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรในลักษณะการตัดสินคุณค่า(Valuejudgment) ประเด็นต่างๆ ว่ามีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่เพียงใด โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และนำผลการประเมินมาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพมากขึ้น
การประเมินหลักสูตรหมายถึง กระบวนการการเก็บรวบรวมข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลเพื่อนำมาตัดสินใจเกี่ยวกับคุณภาพทั้งประสิทธิภาพและประเมินผลของหลักสูตรรวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตรนั้นในอนาคต แนวคิดการประเมินหลักสูตรประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญ ดังนี้
1. การประเมินเป็นการประเมินค่าของเรื่องที่ตัดสินใจ
2. การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน
3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา
4. เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบจำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
พิชิต ฤทธิ์จรูญ กล่าว่า การประเมินหลักสูตร หมายถึง กระบวนการเชิงระบบเพื่อจัดหาสารสนเทศที่เป็น ประโยชน์ ต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับปรุง พัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตร การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร
สรุปได้ว่า การประเมินหลักสูตร หมายถึง กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบคุณภาพข้อมูลเพื่อตัดสินคุณค่าในประเด็นต่างๆเกี่ยวกับคุณภาพทั้งประสิทธิภาพและประเมินผลของหลักสูตรรวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตรนั้นในอนาคต
4.จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ตลอดจนหลักสูตรฝึกอบรมต่างๆมีลักษณะร่วมกันของจุดหมายประการหนึ่งคือ การตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียน โดยมุ่งตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนดไว้หรือไม่ ถือว่าเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของหลักสูตร
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ใช้สำหรับจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กำหนดคุณภาพของผู้เรียนเมื่อสำเร็จการศึกษาไว้ 5 ข้อดังนี้(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. 2551: 3 - 4)
1. มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2. มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต
3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีมีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย
4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
การประเมินหลักสูตรมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียน ตลอดจนผู้สำเร็จการศึกษา ว่าเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรหรือไม่เพียงใด แล้วนำผลการประเมินมาพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น (มารุต พัฒผล.2558)
นอกจากนี้การประเมินหลักสูตรยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร เช่นผู้บริหาร ผู้สอน ชุมชน เป็นต้น มีข้อมูลสารสนเทศที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรอีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถวิเคราะห์จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตรได้อีก 4 ประการ ดังนี้(วิชัย วงษ์ใหญ่. 2554)
1. เพื่อตรวจสอบว่าเอกสารหลักสูตร ได้แก่ หลักการ จุดหมาย โครงสร้าง เนื้อหาการจัดการเรียนการสอน สื่อ การวัดและประเมินผล มีความสอดคล้องกันหรือไม่ ซึ่งการประเมินในลักษณะนี้ส่วนมากจะดำเนินการก่อนการนำหลักสูตรไปปฏิบัติ โดยทั่วไปจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ทำหน้าที่พิจารณาคุณภาพของเอกสารหลักสูตร แนวทางการดำเนินการตรวจสอบมีหลายวิธีการ เช่น การส่งเอกสารหลักสูตรให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนพิจารณา แล้วนำข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงแก้ไข การดำเนินการประชุมสนทนากลุ่ม (focus group) การนำเสนอหลักสูตรในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาหลักสูตร เป็นต้น
2. เพื่อตรวจสอบว่าการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ หรือประเมินว่ากระบวนการใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการและวัตถุประสงค์ของหลักสูตรหรือไม่ การประเมินในส่วนนี้มุ่งเน้นการประเมินการเรียนการสอน การบริหารงานวิชาการ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีลักษณะเป็นการประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนา (evaluation for improvement) ใช้วิธีการประเมินเชิงคุณภาพเป็นหลัก เช่น การสัมภาษณ์ การซักถาม การสังเกตพฤติกรรม การประเมินจากผลการปฏิบัติงานของผู้เรียน เป็นต้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลคือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรโดยตรง เช่น ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน นักการ ภารโรง เป็นต้น
3. เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีคุณภาพตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรหรือไม่ เป็นแนวคิดการประเมินที่ยึดจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของหลักสูตรเป็นหลัก กระบวนการประเมินจะมีความเป็นทางการมากกว่าการประเมินระหว่างการนำหลักสูตรไปปฏิบัติ มีการวางแผนการประเมินอย่างเป็นระบบ มีเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลที่ผ่านกระบวนการสร้างและตรวจสอบคุณภาพเป็นอย่างดี มีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน การประเมินส่วนนี้จะดำเนินการเมื่อสิ้นสุดภาคการศึกษาหรือสิ้นปีการศึกษา อย่างไรก็ตามการประเมินว่าผู้เรียนมีคุณภาพตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรมีข้อพึงระวังคือ ความล้าสมัยของวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่ถูกกำหนดไว้ในบริบทของสังคมที่ผ่านไป แล้วตั้งแต่หลักสูตรเริ่มต้นการพัฒนา เพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การที่ผู้เรียนมีคุณภาพตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าเป็นวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่ถูกเขียนขึ้นในอดีต ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน แต่ถ้าหากวัตถุประสงค์ของหลักสูตรยังมีความทันสมัยอยู่จึงจะมั่นใจได้ว่าผู้เรียนมีคุณภาพอย่างแท้จริง
4. เพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและสังคมได้หรือไม่เพียงใด เนื่องจากหลักสูตรที่ดีจะต้องมีลักษณะสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน เช่น เด็กยุคใหม่ชอบการเรียนรู้จากสื่อและเทคโนโลยี ชอบการปฏิบัติจริงมากกว่าการฟังบรรยาย ชอบแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มากกว่าการรับฟังคำสั่งจากผู้สอน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องสามารถผลิตผู้สำเร็จการศึกษาที่มีความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตรงตามความต้องการของสังคมอีกด้วย เช่น ขณะนี้สังคมโลกเป็นสังคมธุรกิจ ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และที่สำคัญคือ ความคิดสร้างสรรค์
สรุปได้ว่า การตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียน โดยมุ่งตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนดไว้นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร มีข้อมูลสารสนเทศที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรอีกด้วย
5. วามสำคัญของการประเมินหลักสูตร
หลักสูตรเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการศึกษา เพราะเป็นการขยายแนวคิดในการจัดการศึกษาหรือปรัชญาการศึกษาไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้นหากสามารถสร้างหลักสูตรที่ดีได้ย่อมจะทำให้การจัดการศึกษาบรรลุตามจุดประสงค์ที่วางไว้ การที่จะทราบได้ว่าหลักสูตรที่สร้างขึ้นไว้นั้นเหมาะสมหรือไม่เพียงใดนั้น จึงจำเป็นต้องมีการประเมินผล การประเมินหลักสูตรมีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการจัดการศึกษา เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพของการศึกษาหลาย ๆ ระดับ ตั้งแต่ระดับห้องเรียน ระดับโรงเรียน ระดับเขตจนถึงระดับชาติ ผู้ที่มีบทบาทในการประเมินทั้งในระดับผู้จัดทำนโยบายการศึกษา ผู้กำกับดูแล จนถึงระดับผู้ปฏิบัติ จึงควรทำความเข้าใจกับประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการประเมินหลักสูตรให้ชัดเจน เพื่อจะได้กำหนดวางแผนการประเมินหลักสูตรที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการประเมิน และสามารถนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้ได้จริงดังนั้น การประเมินผลหลักสูตรจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการพัฒนาหลักสูตร และเนื่องจากหลักสูตรนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ไม่สามารถกำหนดไว้ตายตัวได้ การพัฒนาหลักสูตรจึงเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปตั้งแต่การสร้างหลักสูตรจนถึงการนำไปใช้ในโรงเรียน
การประเมินหลักสูตรมีความสำคัญหลายประการ ซึ่งเมื่อวิเคราะห์จำแนกตามช่วงเวลาการประเมินหลักสูตร 3 ระยะ ได้แก่ การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรและการประเมินหลังการใช้หลักสูตร แต่ละระยะมีความสำคัญดังต่อไปนี้
1. การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร ช่วยทำให้ทราบว่าเอกสารหลักสูตรมีความถูกต้อง หรือไม่ มีความชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจตรงกันหรือไม่ ทรัพยากรที่ใช้ในหลักสูตรมีเพียงพอหรือไม่ผู้บริหาร และผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตรที่จะใช้เพียงใด แผนการใช้หลักสูตรมีความชัดเจนเพียงใด ซึ่งการประเมินหลักสูตรก่อนการใช้หลักสูตร เป็นปัจจัยเอื้อต่อการใช้หลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ
2. การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร ช่วยทำให้ทราบว่าการใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพเพียงใด เช่น การบริหารงานวิชาการ การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียน เป็นต้น การประเมินระหว่างใช้หลักสูตรเน้นการประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนา (evaluation for improvement) เป็นสำคัญ
3.การประเมินหลังการใช้หลักสูตรช่วยทำให้ทราบประสิทธิผลของหลักสูตร คือ คุณภาพของผู้เรียนตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งเป็น3 ด้าน คือ ด้านการรู้คิด (cognitive)ด้านทักษะการปฏิบัติ(psychomotor) และด้านอารมณ์และเจตคติ (affective)
นอกจากนี้ พิชิต ฤทธิ์จรูญ(2558) ได้ให้ความสำคัญการประเมินหลักสูตรไว้ ดังนี้
1.ช่วยให้ได้สารสนเทศเกี่ยวกับหลักสูตรสำหรับผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อการ พัฒนาหลักสูตร การตรวจสอบความพร้อมของหลักสูตรและทรัพยากรในการดำเนินการใช้หลักสูตร
2. ช่วยให้ทราบความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรคในระหว่างดำเนินการใช้หลักสูตรซึ่งจะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อการปรับปรุงการบริหารหลักสูตร หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขแผนหรือวิธีการบริหาร หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ช่วยให้ได้สารสนเทศเกี่ยวกับสัมฤทธิผลของหลักสูตร จุดเด่น จุดด้อยของหลักสูตร ซึ่งจะนำมาใช้ ประกอบการตัดสินใจและวินิจฉัยว่าจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหลักสูตรอย่างไรให้มีความเหมาะสมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของการศึกษา เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
4.ช่วยให้ได้สารสนเทศที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของหลักสูตรว่าเป็นอย่างไร คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจของผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินการใช้หลักสูตรต่อไป
5.ช่วยให้เกิดการเสริมแรง สร้างพลังจูงใจให้กับผู้บริหารหลักสูตร ครูผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรเมื่อทราบสัมฤทธิผลของหลักสูตร จุดเด่น หรือจุดด้อยของหลักสูตรโดยจะมุ่งมั่นปรับปรุง และพัฒนาการบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงขึ้นซึ่งจะเกิดคุณค่าและประโยชน์ สูงสุดต่อผู้เรียน หรือสถานศึกษา
ดังนั้น การประเมินหลักสูตรมีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการจัดการศึกษา เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพของการศึกษาหลาย ๆ ระดับการประเมินผลหลักสูตรจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการพัฒนาหลักสูตรเนื่องจากหลักสูตรนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ไม่สามารถกำหนดไว้ตายตัวได้ การพัฒนาหลักสูตรจึงเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปตั้งแต่การสร้างหลักสูตรจนถึงการนำไปใช้ในโรงเรียน จากข้อความข้างต้นจึงสรุปความสำคัญของการประเมินหลักสูตรไว้ดังนี้
1.ช่วยทำให้ทราบว่าเอกสารหลักสูตรมีความถูกต้องหรือไม่
2.ช่วยทำให้ทราบว่าการใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพเพียงใด
3.ช่วยให้ได้สารสนเทศเกี่ยวกับสัมฤทธิผลของหลักสูตร จุดเด่น จุดด้อยของหลักสูตร
4.ช่วยทำให้ทราบประสิทธิผลของหลักสูตร คือ คุณภาพของผู้เรียนตามที่หลักสูตรกำหนดไว้
5.ช่วยให้เกิดการเสริมแรง สร้างพลังจูงใจให้กับผู้บริหารหลักสูตร ครูผู้สอนและผู้เกี่ยวข้อง
การวางแผนการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ได้สารสนเทศเชิงคุณค่าเกี่ยวกับหลักสูตรซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับหลักสูตรว่าควรปรับปรุง พัฒนา หรือยกเลิกหลักสูตร ดังนั้นการประเมินผู้ประเมินต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ครอบคลุม ชัดเจน และเป็นระบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างสมบูรณ์จะต้องมีการวางแผนการประเมินที่ดีการเลือกกลยุทธ์หรือรูปแบบการประเมินเพื่อเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การประเมินเป็นได้อย่างรอบคอบและครอบคุม เนื่องจากรูปแบบการประเมินมีการทดลองและได้รับการยอมรับจากผู้คนในวงการศึกษามาก่อนแล้ว ผู้วางแผนจึงจำเป็นต้องนำรูปแบบที่มีมาปรับใช้กับบริบทของสถานศึกษาตามความเหมาะสม ดังนั้นหัวข้อนี้ผู้จัดทำได้พยายามนำเสนอรูปแบบการการประเมินเพื่อนำใช้ในการประเมินหลักสูตร
ความหมายของการวางแผนการประเมินหลักสูตร
เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจล่วงหน้าว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และจะให้ใครทำ และการวางแผนที่ดีควรเป็นแผนที่มีลักษณะกิจกรรมที่ทำต่อเนื่องเป็นวงจร ดังความหมายจากผู้รู้แต่ละท่านดังตัวอย่างต่อไปนี้
การวางแผน หมายถึง กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังนี้ (1) การพิจารณาสิ่งแวดล้อมโอกาสและอุปสรรค (Opportunity and Treats) (2) การระบุจุดแข็ง (Strength) และจุดอ่อน (Weakness) ขององค์การ (3) การพัฒนาของแผนธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่ขององค์การ วัตถุประสงค์ระยะสั้น ระยะยาว แผนกลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ และการบรรยายความต้องการทรัพยากร และการจัดสรรทรัพยากร (4) การปรับปรุงแผนให้ทันสมัยตามกาลเวลาให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงตามจุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค โอกาส และผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ลดค่าใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ เป็นต้น (รศ.ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ, 2540:593)
การวางแผน หมายถึง กระบวนการในการกำหนดเป้าหมายไว้ในอนาคต การกำหนดในการใช้ทรัพยากร และการปฏิบัติที่จะให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ (Dubrin & Ireland: 1993,107) การวางแผนจะเกี่ยวเนื่องกับภารกิจ เป้าหมาย กลยุทธ์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจทางเลือกที่จะนำไปสู่วัตถุประสงค์ที่เลือกไว้
การวางแผน หมายถึง การพัฒนาเป้าหมาย และวิธีการต่าง ๆ ขององค์การให้ประสบความสำเร็จ การวางแผนคือ การมองล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนบางอย่าง (มนูญ ตนะวัฒนา, 2539:48)
การวางแผนที่ดีย่อมเปรียบเสมือนการกระทำได้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนั้นถ้าไม่มีการวางแผนการทำงานงานก็สำเร็จได้ยาก หรืออาจเบี่ยงเบนไปจากความต้องการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ประโยชน์ของการวางแผน
การวางแผนนอกจากเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้นแล้วการวางแผนที่ดียังส่งผลให้เกิดประโยชน์หลายประการต่อองค์การได้แก่
1.องค์การประสบความสำเร็จและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการทั้งนี้เกิดจากการวางแผนที่ดีที่มีการกำหนดวัตถุประสงค์และแนวทางในการปฏิบัติที่ดีดังนั้นการบริหารแผนที่มีทิศทางที่ชัดเจนมีการประสานงานการควบคุมในทิศทางที่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้ซึ่งผลที่องค์การได้รับคือการปฏิบัติการการดำเนินงานต่างๆเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งหมายถึงความสำเร็จขององค์การ
2.การวางแผนที่ดีช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการวางแผนเป็นการกำหนดสิ่งที่ควรปฏิบัติวิธีปฏิบัติตลอดจนการใช้ทรัพยากรขององค์การไว้ล่วงหน้าการวางแผนจึงเป็นเครื่องช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดการประหยัดทั้งกำลังเงินกำลังคนและเวลาช่วยลดต้นทุนในการปฏิบัติงาน
3.ช่วยให้การควบคุมง่ายขึ้นเพราะการวางแผนเป็นการกำหนดวัตถุประสงค์และมาตรฐานของงานสำหรับเป็นเครื่องวัดซึ่งมาตรฐานดังกล่าวเป็นพื้นฐานของการควบคุมงานเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงานต่างๆที่ได้กำหนดไว้ในแผนว่าเบี่ยงเบนหรือมีอุปสรรคเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใดการวางแผนจึงต้องมีเครื่องมือในการตรวจสอบและวัดผล
4.ช่วยป้องกันความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตการวางแผนที่ดีเป็นการมองคาดการณ์ถึงอนาคตเพื่อเตรียมรับภาวการณ์หรือภาวะแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาการวางแผนเป็นการระดมความคิดการศึกษาหาข้อมูลรอบด้านมาประกอบการตัดสินใจเลือกวิถีทางที่ดีที่สุดไว้ใช้ให้เหมาะสมดังเช่นภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีผลต่อหลายๆธุรกิจ
5.การวางแผนทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆและเกิดความคิดสร้างสรรค์การวางแผนคือการกำหนดสิ่งที่จะต้องกระทำในอนาคตเกี่ยวกับการประเมินข้อเสนอต่างๆที่มีให้เลือกและเกี่ยวกับวิธีการที่จะต้องปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น(Simon,1965:423-442)จากคำนิยามของเฮอร์เบิร์ตเอ.ไซมอน(HerbertA.Simon)แสดงให้เห็นว่าการวางแผนที่ดีนั้นจะต้องมีการระดมความคิดการค้นหาวิธีการตลอดจนการประเมินข้อเสนอต่างๆที่มีให้เลือกซึ่งจะได้แนวคิดใหม่ๆและความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดสิ่งที่จะต้องกระทำในอนาคต
6.การวางแผนสร้างทีมงานขั้นต้นการวางแผนเป็นรูปแบบของการร่วมแรงร่วมใจกันทำงานและคิดวางแผนวางแนวทางจึงเป็นการสร้างทีมงานขั้นต้นซึ่งเป็นทีมงานที่มีความเข้าใจวัตถุประสงค์ของตนวัตถุประสงค์ของแต่ละระดับในองค์การดังนั้นการปฏิบัติงานตามแผนก็ย่อมมีการประสานงานกันเป็นอย่างดีเป็นการพัฒนาทีมงานในระดับต้นและเป็นแรงจูงใจให้เกิดทีมงานที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
กระบวนการวางแผน(Planning Process)
กระบวนการวางแผนประกอบด้วยการพัฒนาภารกิจขององค์การการกำหนดเป้าหมายและสร้างแผนเพื่อการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง(Bovee and others,1993:205)ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้คือ
1.สร้างปรับปรุงและกำหนดภารกิจซึ่งเป็นเป้าหมายขององค์การและอธิบายถึงจุดมุ่งหมายขององค์การ
2.นำภารกิจมาใช้เพื่อพัฒนาเป้าหมายขององค์การ
3.กำหนดโครงสร้างและสร้างแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
4.ทำงานหรือปฏิบัติการตามแผนที่กำหนดไว้ต่อไป
รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
รูปแบบการประเมินหลักสูตรร่วมสมัยหมายถึงกรอบแนวคิดการประเมินโครงการซึ่งนักวิชาการด้านการประเมินได้พัฒนาขึ้นจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการนามาใช้ในการประเมินหลักสูตร โดยนักวิชาการในประเทศไทยและในต่างประเทศตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันสามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้3กลุ่มดังนี้(ศิริชัยกาญจนวาสี.2555:ออนไลน์)
กลุ่มที่1รูปแบบการประเมินที่เน้นจุดมุ่งหมายเป็นหลัก(Goal Attainment–Based Model) เน้นการนาเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรมาเป็นประเด็นการประเมินรูปแบบการประเมินในกลุ่มนี้เช่นรูปแบบการประเมินของTyler,HammondและCronbachเป็นต้น
กลุ่มที่2รูปแบบการประเมินที่เน้นเกณฑ์เป็นหลัก(Criterion-Based Model) มีทั้งรูปแบบที่ใช้เกณฑ์ภายในเป็นหลักได้แก่การประเมินกระบวนการต่างๆที่ช่วยในการดาเนินการใช้หลักสูตรให้บรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์และรูปแบบที่ใช้เกณฑ์ภายนอกเป็นหลักรูปแบบการประเมินในกลุ่มนี้เช่นรูปแบบการประเมินของScrivenและStakeเป็นต้น
กลุ่มที่3รูปแบบการประเมินที่เน้นการตัดสินใจเป็นหลัก(Decision-Based Model)เป็นรูปแบบการประเมินที่เน้นการตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลที่เกิดจากการ ดำเนินงานหรือการปฏิบัติจริงของการใช้หลักสูตรกับเกณฑ์มาตรฐานที่กาหนดไว้ก่อนรูปแบบการประเมินในกลุ่มนี้เช่นรูปแบบการประเมินของStufflebeamและProvusเป็นต้น
รูปแบบการประเมินของTyler
ปีค.ศ.1934 Tylerได้เขียนหนังสือชื่อว่าConstructing Achievement Testเป็นหนังสือที่สะท้อนให้เห็นถึงการประเมินหลักสูตรอย่างเป็นรูปธรรมมีจุดเน้นคือการใช้การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นวิธีการประเมินหลักสูตรจากนั้นในปีค.ศ.1949เขาได้เขียนหนังสือออกมาอีกเล่มหนึ่งชื่อว่าPrinciplesof
Curriculumand Instructionและในหนังสือเล่มนี้ Tylerได้นาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการประเมินหลักสูตรแนวคิดหนึ่งว่าการประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการหนึ่งที่สาคัญมากในการพัฒนาหลักสูตร “Evaluationisal so an important operation in curriculum development” (Tyler.1949:104)
Tyler ได้ระบุว่าการประเมินหลักสูตรเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตร มีสาระสำคัญ2 ประการ คือ 1) การประเมินพฤติกรรมที่แสดงออกของผู้เรียน และ 2) การใช้วิธีการที่หลากหลายประเมินหลายๆ ครั้ง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้เรียนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในระหว่างการเรียนรู้ ดังนั้นการประเมินจึงไม่ใช่เพียงแค่การทดสอบผู้ เรียนเมื่อเสร็จสิ้ นการจัดการเรียนรู้เท่านั้นแต่จะต้องประเมินอย่างต่อเนื่องในระหว่างการจัดการเรียนรู้นอกจากนี้ลักสำคัญของการประเมินหลักสูตรนั้นจะต้องรวบรวมหลักฐาน (evidence) ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างเป็นระบบ มีความถูกต้องซึ่งจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสม การประเมินโดยให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบ (paper pencil test) เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินเท่านั้น นอกจากนี้ Tyler ยังระบุว่าพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนสามารถสังเคราะห์ได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ การรู้คิด ทักษะการปฏิบัติ และเจตคติ การประเมินหลักสูตรของ Tyler มุ่งเน้นการประเมินความสัมพันธ์ระหว่างเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังแผนภาพต่อไปนี้
กระบวนการประเมินหลักสูตรของTylerมี7ขั้นตอนดังนี้(Tyler.1949)
1.วิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้เชิงพฤติกรรมที่กาหนดไว้ซึ่งประกอบด้วย สาระสาคัญของการเรียนรู้และพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
2.ระบุสถานการณ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความรู้ความสามารถของตนเองที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนร
3.คัดเลือกวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรง(validity)ความเชื่อมั่น(reliability)และความเป็นปรนัย(objectivity)
4.เก็บรวบรวมข้อมูลที่นาไปสู่การประเมินตามจุดประสงค์การเรียนรู้โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลาย
5.เปรียบเทียบข้อมูลที่เก็บรวบรวมกับเกณฑ์หรือมาตรฐานการประเมินรวมทั้งลงสรุปผลการประเมิน
6.วิเคราะห์ผลการประเมินเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร
7.นาผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องเมื่อสรุปผลการประเมินแล้วจะต้องนาผลการประเมินที่ได้ไปใช้สาหรับการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไปแสดงได้ดังแผนภาพต่อไปนี้
รูปแบบการประเมินของStake
Robert E. Stakeได้เสนอบทความการประเมินทางการศึกษาเรื่อง“The Countenance of Educational Evaluation” ตีพิมพ์ในวารสารTeachers Collage Recordโดยระบุว่าการประเมินจึงต้องให้ความสนใจกับปัจจัยและเงื่อนไขต่างๆที่มีความเชื่อมโยงกัน3ประการได้แก่สิ่งที่มีอยู่ก่อน (antecedent) กระบวนการ ( transaction ) และผลผลิต ( outcomes )ดังนี้
1.สิ่งที่มีอยู่ก่อนหมายถึงเงื่อนไขที่มีอยู่ก่อนที่จะมีการเรียนการสอนเกิดขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อผลผลิตตามมาเช่นสถานภาพหรือคุณลักษณะของผู้เรียนก่อนเรียนความถนัดคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านมาเกรดเฉลี่ยความสนใจและความตั้งใจนอกจากนี้ยังรวมถึงคุณลักษณะของผู้สอนเช่นประสบการณ์การสอนระดับการศึกษาเป็นต้น
2.กระบวนการหมายถึงปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนผู้เรียนกับ
ผู้เรียนสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนผู้ปกครองกับผู้สอนผู้บริหารกับผู้สอนเป็นต้น
3.ผลผลิตหมายถึงผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการเรียนการสอนไปแล้วเช่นความร
ความสามารถของผู้เรียนและทักษะการปฏิบัติเป็นต้น
การประเมินของStakeมีข้อมูลที่ใช้สาหรับการประเมิน3ประการได้แก
1.หลักการและเหตุผลหมายถึงปรัชญาพื้นฐานเดิมรวมทั้งเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรซึ่งเป็นสิ่งสาคัญที่ต้องทาการประเมินเนื่องจากหลักการและเหตุผลนี้จะเป็นพื้นฐานในการพิจารณาคัดเลือกและกาหนดสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรเช่นการคัดเลือกเนื้อหาสาระการคัดเลือกผู้สอนการกาหนดแนวการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนรู้เป็นต้น
2.ข้อมูลที่ใช้ในการบรรยายประกอบด้วย2ส่วนคือ1)ส่วนที่คาดหวัง(intents)และ2)สิ่งที่เป็นจริง(observations)ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ใช้ในการบรรยายผู้ประเมินจะต้องเก็บข้อมูลทั้งส่วนที่เป็นสิ่งที่คาดหวังและส่วนที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงโดยครอบคลุมทั้ง3ด้านคือสิ่งที่มอยู่ก่อนกระบวนการและผลผลิตนอกจากผู้ประเมินจะต้องพิจารณาองค์ประกอบในส่วนที่เป็นการบรรยายดังกล่าวแล้วผู้ประเมินยังต้องพิจารณาความสัมพันธ์และความสอดคล้อง(contingency and congruence)อีกด้วยดังนี้
ก.ความสัมพันธ์ในการพิจารณาความสัมพันธ์ผู้ประเมินจะต้องพิจารณาทั้ง3ด้านคือสิ่งที่มีอยู่ก่อนกระบวนการและผลผลิตว่าทั้ง3ด้านนี้มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ซึ่งการพิจารณาความสัมพันธ์ดังกล่าวจะต้องอาศัยหลักเหตุผล
ข.ความสอดคล้องในการพิจารณาถึงความสอดคล้องผู้ประเมินจะต้องพิจารณาทั้ง3ด้านเช่นเดียวกันคือสิ่งที่มีอยู่ก่อนกระบวนการและผลผลิตโดยการเปรียบเทียบกันระหว่างสิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงซึ่งการพิจารณาถึงความสอดคล้องนี้ข้อมูลที่ได้รับไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าผลผลิตที่ได้มีความเที่ยงหรือมีความตรงแต่ข้อมูลที่ได้จะชี้ให้เห็นเพียงว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่เท่านั้น
3.ข้อมูลที่ใช้ในการตัดสิน(judgment)จากภาพประกอบจะพบว่าข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินประกอบด้วย2ส่วนคือส่วนที่เป็นมาตรฐานและการตัดสินในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินผู้ประเมินจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งส่วนที่เป็นมาตรฐานและส่วนที่เป็นการตัดสินทั้ง3ด้านได้แก่สิ่งที่มีอยู่ก่อนกระบวนการและผลผลิตส่วนเกณฑ์มาตรฐานที่นามาใช้ในการเปรียบเทียบมี 2ประเภทคือเกณฑ์มาตรฐานสัมบูรณ์(absolutecriteria)และเกณฑ์มาตรฐานสัมพัทธ์ (relative criteria)
ก)เกณฑ์มาตรฐานสัมบูรณ์หมายถึงมาตรฐานที่เกิดขึ้นจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยอาศัยหลักการและเหตุผลของตนเองหรือของกลุ่มบุคคลซึ่งการกาหนดมาตรฐานสัมบูรณ์ไม่ได้เป็นสิ่งตายตัวทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ
ข)เกณฑ์มาตรฐานสัมพัทธ์เป็นมาตรฐานที่กาหนดขึ้นโดยอาศัยข้อมูลจากหลักสูตรอื่นเป็นหลักซึ่งเป็นการตัดสินที่ค่อนข้างยากที่จะบอกว่าหลักสูตรหนึ่งดีกว่าอีกหลักสูตรหนึ่งโดยการพิจารณาจากคุณลักษณะเดียวกันแต่ถ้ามีคุณลักษณะหลายอย่างและแต่ละอย่างมีความสาคัญไม่เท่ากันผู้ประเมินจะต้องเลือกคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่จะเปรียบเทียบมาใช้การประเมินของStakeแสดงได้ดังแผนภาพต่อไปนี้
ข้อมูลในตารางการบรรยายและการตัดสิน ในแผนภาพ 27 มีรายละเอียดดังนี้
ช่องที่ 1 หมายถึง สิ่งที่คาดหวังว่าจะต้องมีอยู่ก่อนการใช้หลักสูตรเป็นสภาพที่เอื้อต่อการบรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร
ช่องที่ 2 หมายถึง สิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้หลักสูตรเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการใช้หลักสูตรซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการบรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร
ช่องที่ 3 หมายถึง สิ่งที่คาดหวังว่าเป็นผลผลิตที่จะได้รับภายหลังการใช้หลักสูตร โดยทั่วไป คือคุณภาพของผู้เรียนตามเป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรช่องที่ 4 หมายถึง สภาพที่เป็นจริงในช่วงเวลาก่อนการใช้หลักสูตร
ช่องที่ 5 หมายถึง สภาพที่เป็นจริงในระหว่างการใช้หลักสูตร
ช่องที่ 6 หมายถึง ผลผลิตที่ได้รับหลังจากการใช้หลักสูตร โดยทั่วไปคือ คุณภาพของผู้เรียนที่กำหนดไว้ในเป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร
ช่องที่ 7 หมายถึง เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินสิ่งที่คาดหวังว่าจะต้องมีอยู่ก่อนการใช้หลักสูตร
ช่องที่ 8 หมายถึง เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินสิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้หลักสูตร
ช่องที่ 9 หมายถึง เกณฑ์ที่ใช้ประเมินสิ่งที่คาดหวังว่าเป็นผลผลิตที่จะได้รับภายหลังการใช้หลักสูตร
ช่องที่ 10 หมายถึง ผลการตัดสินการประเมินสิ่งที่คาดหวังว่าจะต้องมีอยู่ก่อนการใช้หลักสูตรจากการเปรียบเทียบข้อมูลในช่อง 1, 4 กับเกณฑ์ในช่องที่ 7
ช่องที่ 11 หมายถึง ผลการตัดสินการประเมินสิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้หลักสูตรจากการเปรียบเทียบกับข้อมูลในช่องที่ 2, 5 กับเกณฑ์ในช่องที่ 8
ช่องที่ 12 หมายถึง ผลการตัดสินการประเมินสิ่งที่คาดหวังว่าเป็นผลผลิตที่จะได้รับภายหลัง
การใช้หลักสูตร จากการเปรียบเทียบข้อมูลในช่องที่ 3, 6 กับเกณฑ์ในช่องที่ 9
นอกจากนี้Stakeยังได้อธิบายเกี่ยวกับการประเมินหลักสูตรว่าผู้ประเมินจะต้องเก็บข้อมูลที่แท้จริงให้ได้เพราะในการประเมินหลักสูตรมีข้อมูลอยู่เป็นจานวนมากซึ่งจาเป็นต้องใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลยังมีหลายวิธีการ
ดังนั้นการประเมินหลักสูตรต้องมีการกาหนดจุดประสงค์ของการประเมินที่มีความชัดเจนว่าจะประเมินอะไรใช้ข้อมูลมาทาอะไรStakeเน้นว่าการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการอธิบาย (description)และการตัดสินใจ(judgment)ซึ่งได้แก่ข้อมูลหลักทั้ง3ประการดังที่กล่าวมาในการนี้ ผู้ประเมินต้องบันทึกข้อมูลทั้ง3ประเภทนี้และแยกออก เป็น4ประการได้แก่ผลที่คาดหวัง (intents)ผลที่เกิดขึ้นจริง(observation)มาตรฐาน(standard)และที่มาของการตัดสินใจ (judgment) การประเมินหลักสูตรของStakeสามารถสร้างตารางข้อมูลที่จะประเมินดังตารางต่อไปนี้
สาระสำคัญ | ข้อมูลสำหรับการประเมินหลักสูตร | |||
สิ่งที่คาดหวัง | สิ่งที่เป็นจริง | มาตรฐาน | การตัดสิน | |
1. สิ่งที่มีอยู่ก่อน - คุณลักษณะของผู้เรียน - คุณลักษณะของผู้สอน - เนื้อหาสาระของหลักสูตร - สื่อการเรียนการสอน - สภาพชุมชน |
|
|
|
|
2.กระบวนการ - การสื่อสาร - เวลาที่จัดให้ - ลำดับของเหตุการณ์ - การให้แรงจูงใจ - บรรยากาศ |
|
|
|
|
3. ผลผลิต - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรีย - เจตคติของผู้เรียน - ทักษะของผู้เรียน - ผลที่มีต่อผู้สอน - ผลที่มีต่อผู้เรียน |
|
|
|
|
รูปแบบการประเมินของProvus
Malcolmv Provusได้เสนอแนวคิดการประเมินหลักสูตรไว้โดยมีสาระสาคัญคือการประเมินหลักสูตรมีจุดประสงค์เพื่อตัดสินใจว่าหลักสูตรที่ดาเนินการใช้อยู่นั้นควรจะปรับปรุงหรือดาเนินการต่อหรือยกเลิกการใช้ Provusเรียกว่าวิธีการประเมินความไม่สอดคล้องกัน( discrepancy model)และนิยามการประเมินว่าเป็นกระบวนการที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งต่อไปนี้ 1) กาหนดมาตรฐานของหลักสูตรได้แก่มาตรฐานด้านการพัฒนาและมาตรฐานด้านเนื้อหา2) พิจารณาความไม่สอดคล้องระหว่างส่วนต่างๆของหลักสูตรกับมาตรฐานที่กาหนดขึ้นและ3) ใช้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องสาหรับค้นหาจุดอ่อนของหลักสูตรและนาไปสู่การตัดสินใจ
การประเมินหลักสูตรตามรูปแบบของProvusมี5ประเด็นดังนี้
1.การประเมินคุณภาพของการออกแบบหลักสูตร(program definition)เป็นการประเมินรายละเอียดของหลักสูตรโดยพิจารณาคุณภาพของสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรประกอบด้วย3ส่วนได้แก่ 1) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร2)คุณลักษณะของผู้สอนคุณลักษณะของผู้เรียนปริมาณและคุณภาพของโสตทัศนูปกรณ์และสิ่งอานวยความสะดวกต่างๆในการใช้หลักสูตรและ3)กิจกรรมของผู้สอนและผู้เรียนที่จะทาให้บรรลุวัตถุประสงค์การใช้หลักสูตรเช่นการจัดการเรียนการสอนโดยนาทั้งสามส่วนนี้ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของการใช้หลักสูตรที่กาหนดไว
2.การประเมินการเริ่มใช้หลักสูตร(program installation)เป็นการประเมินสภาพที่เป็นจริงระหว่างการใช้หลักสูตรโดยการเปรียบเทียบสภาพที่เป็นจริงระหว่างการใช้หลักสูตรกับมาตรฐานหลักสูตรที่กาหนดไว้ว่ามีความเหมาะสมเพียงใดการประเมินในขั้นตอนนี้ทาให้ทราบความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คาดหมายไว้ในขั้นที่1กับสิ่งที่เป็นจริง
3. การประเมินกระบวนการ (program process) เป็นการประเมินเกี่ยวกับการบรรลุวัตถุประสงค์ย่อยๆ ที่จะนำไปสู่การบรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร โดยนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานการประเมิน คือ ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการกับผลผลิตที่จะเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้เพื่อนำผลการประเมินไปปรับปรุงการดำเนินการใช้หลักสูตรต่อไป
4. การประเมินผลผลิตของหลักสูตร (program product) เป็นการประเมินคุณภาพของผู้เรียนขั้นสุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตร มุ่งตอบคำถามว่าหลักสูตรได้บรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์หลักหรือไม่ เพียงใด โดยนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานการประเมิน คือ ผลผลิตของหลักสูตรตามที่กำหนดไว้ในเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ส่วนมากคือ คุณภาพของผู้เรียน
5. การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน (cost – benefit analysis) เป็นการประเมินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใช้หลักสูตร ว่าได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุนมากน้อยเพียงใด การประเมินขั้นนี้จะกระทำหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ของคณะกรรมการประเมินหลักสูตรจะพิจารณา
การประเมินหลักสูตรทุกขั้นตอนของ 3. การประเมินกระบวนการ (program process) เป็นการประเมินเกี่ยวกับการบรรลุวัตถุประสงค์ย่อยๆ ที่จะนำไปสู่การบรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร โดยนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานการประเมิน คือ ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการกับผลผลิตที่จะเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้เพื่อนำผลการประเมินไปปรับปรุงการดำเนินการใช้หลักสูตรต่อไป
ความหมายของสัญลักษณ์และหมายเลขต่างๆ
S คือ มาตรฐาน (standard) ที่คณะกรรมการประเมินหลักสูตรและผู้บริหารกำหนด
P คือ การปฏิบัติ (performance) ข้อมูลจากสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการร่างหลักสูตร
C คือ การเปรียบเทียบ (compare) ผลการปฏิบัติจริงกับมาตรฐานที่กำหนดไว
D คือ ข้อมูลที่แสดงความไม่สอดคล้อง (discrepancy) หรือความแตกต่างระหว่างการปฏิบัติจริงกับมาตรฐานที่กำหนดไว
A คือ การปรับปรุงการปฏิบัติจริงหรือการปรับปรุงมาตรฐาน (alteration) เกี่ยวกับการปฏิบัติ หรือ มาตรฐาน
1 , 2 , 3 , 4 , 5 คือ ขั้นตอนการประเมินหลักสูตร ได้แก่
1 คือ การดำเนินการเริ่มการใช้หลักสูตร
2 คือ กระบวนการ
3 คือ ผลผลิตของหลักสูตร
4 คือ ขั้นการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน
5 คือ สิ้นสุดการใช้หลักสูตร
จากแผนภาพที่แสดงขั้นตอนการประเมินหลักสูตรทั้ง 5 ประเด็น มีแนวปฏิบัติที่เหมือนกันคือ การเปรียบเทียบสภาพที่เป็นจริ งของหลักสูตรกับมาตรฐานที่กำหนดว่า มีความสอดคล้องกัน
หรือไม่
การประเมินของ Provus ให้ความสำคัญกับการคิดอย่างเป็นระบบ โดยระบบจะเริ่มจากการตั้งคำถามแล้วนำไปสู่การกำหนดเกณฑ์ นำไปสู่การแสวงหาสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง และนำไปสู่การตัดสินใจ ด้วยการตอบคำถามที่ได้ตั้งไว้ในขั้นตอนแรก
ความสำคัญของการวางแผนการประเมินหลักสูตรมีดังนี้
1.ช่วยให้สามารถกำหนดหน่วยงานและบุคลากรที่จะรับผิดชอบงานแต่ละชนิดได้ช่วยให้สามารถจัดสรรอัตรากำลังความสามารถของบุคลากรจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้นำมาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
2.ช่วยให้กิจการสามารถกำหนดนโยบายไดชัดเจนขึ้นเพื่อให้การดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานมีความเป็นไปในทิศทางเดียวกันมุ่งสู่ผลสำเร็จเดียวกัน
3.ช่วยให้สามารถระบุเป้าหมายหรือผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นได้จากการวางแผนที่ดีจะทำให้ทราบว่างานจะสำเร็จในรูปแบบใดในระยะเวลาใดได้ผลตามต้องการหรือไม่มีอุปสรรคใดเพื่อจะได้แก้ไขได้ก่อนการดำเนินงานจะสิ้นสุดลง
4.ช่วยให้ทราบขั้นตอนของการทำงานว่างานใดจะต้องทำก่อนหลังเพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานได้อย่างถูกต้อง
การวางแผนที่ดีคือการคิดวิเคราะห์ล่วงหน้าถึงอนาคตผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นระยะเวลาของความสำเร็จการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดช่วยให้ทราบขั้นตอนการดำเนินงานคาดคะเนอุปสรรคที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งหาทางแก้ไขได้ล่วงหน้า
การดำเนินการประเมินหลักสูตร
ในการประเมินหลักสูตร ผู้ประเมินควรดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. การศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรที่มุ่งประเมิน ผู้ประเมินศึกษาวิเคราะห์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่ต้องการประเมิน โดยการศึกษาหลักสูตรและเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจสอบถามข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะทำให้ผู้ประเมินมีความเข้าใจในแนวคิด หลักการและเหตุผล จุดมุ่งหมาย เป้าหมายของหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ทำให้มีแนวทางในการออกแบบและวางแผนการประเมินหลักสูตรได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ในการศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรที่มุ่งประเมินให้พยายามตอบคำถามตามประเด็น ต่อไปนี้
1.1 หลักสูตรมีความเป็นมาอย่างไร ทำไมจึงต้องพัฒนาหลักสูตรนี้ มีหลักการและเหตุผลอะไร รวมทั้งมีปัญหาและความต้องการอะไรจึงทำให้เกิดหลักสูตร แล้วคาดหวังว่าจะได้อะไรจากหลักสูตร
1.2 ลักษณะของหลักสูตรเป็นแบบใด เช่น เป็นหลักสูตรการจัดการศึกษาระดับใด ประเภทใด เป็นหลักสูตรสถานศึกษา หรือเป็นหลักสูตรเฉพาะสาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา หรือเป็นหลักสูตรการฝึกอบรม เป็นต้น
1.3 วัตถุประสงค์และเป้าหมายของหลักสูตร คืออะไร มีความชัดเจนสามารถปฏิบัติหรือประเมินได้หรือไม่
1.4 โครงสร้างของหลักสูตรกําหนดกลุ่มสาระ รายวิชา จำนวนหน่วยกิตไว้อย่างไร
1.5 ทรัพยากรที่ใช้ในหลักสูตรมีอะไรบ้าง ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากบุคคล หรือหน่วยงานใดบ้าง
1.6 มีการกําหนดรูปแบบ วิธีการบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนหรือไม่ อย่างไร ผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับหลักสูตรมีใครบ้าง มีบุคลากรและองค์การอื่นเกี่ยวข้องกับหลักสูตรหรือไม่
1.7 ผู้ต้องการใช้ผลการประเมินหลักสูตรมีใครบ้าง มีความต้องการที่จะทราบและใช้ผลการประเมินอย่างไร
1.8 มีการกําหนดเกณฑ์ในการประเมิน หรือตัวบ่งชี้ความสำเร็จของหลักสูตรหรือไม่ ถ้ามี เกณฑ์หรือตัวบ่งชี้เหล่านั้น คืออะไร
2. การศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และรูปแบบการประเมิน การศึกษาแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวกับการประเมินจะทำให้ผู้ประเมินโดยเฉพาะผู้ประเมินมือใหม่มีฐานความคิดและมองเห็นแนวทางในการประเมินหลักสูตรได้ชัดเจนมากขึ้น สามารถออกแบบและวางแผนการประเมินหลักสูตรได้ครอบคลุม และเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ผลการประเมินได้มากขึ้น นอกจากนี้ผู้ประเมินควรจะได้ศึกษากรณีตัวอย่างการประเมินหลักสูตรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน หรือใกล้เคียงกันด้วย รวมทั้งการศึกษารูปแบบการประเมินที่นักวิชาการทางการประเมินได้เสนอไว้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประเมินได้แนวคิดและมองเห็นแนวทางในการประเมิน มีความเชื่อมั่นและสามารถออกแบบการประเมินได้อย่างคมชัดลึกมากขึ้น เพราะรูปแบบการประเมินจะเป็นกรอบแนวความคิดในการประเมินที่บ่งบอกให้ทราบว่า ในการประเมินหลักสูตรนั้น ควรพิจารณาประเมินอะไรบ้าง (what) และในบางรูปแบบการประเมินอาจเสนอแนะถึงวิธีการประเมิน ตรวจสอบด้วยว่าควรทำอย่างไร (how) ดังตัวอย่าง รูปแบบการประเมินซิป (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีมได้เสนอแนะว่า ในการประเมินหลักสูตรควรพิจารณาหรือตัดสินคุณค่าของหลักสูตร ใน 4 ประเด็น คือ (1) การประเมินสภาวะแวดล้อมของหลักสูตร (2) การประเมินปัจจัยเบื้องต้นหรือทรัพยากรในการใช้หลักสูตร (3) การประเมินกระบวนการใช้หลักสูตรและ (4) การประเมินผลผลิตของหลักสูตร การศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการประเมินต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้ประเมินสามารถออกแบบและวางแผนการประเมินได้อย่างสมเหตุสมผล มีความเชื่อมั่นในการดำเนินการประเมินหลักสูตรให้บรรลุผลสำเร็จได้
3. กำหนดวัตถุประสงค์และตัวบ่งชี้การประเมิน หลังจากที่ผู้ประเมินได้ศึกษาวิเคราะห์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่ต้องการประเมินและศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และรูปแบบการประเมินแล้ว จะทำให้ทราบความชัดเจนว่าต้องการประเมินเพื่ออะไร จึงกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินหลักสูตร ในแต่ละวัตถุประสงค์ของการประเมินก็กำหนดตัวบ่งชี้การประเมินว่าจะประเมินอะไรบ้าง
4. การออกแบบการประเมิน การออกแบบการประเมินหลักสูตรเป็นการวางแผนการประเมินเพื่อกําหนดรูปแบบ ขอบเขตและแนวทางการประเมินเพื่อให้ได้สารสนเทศเกี่ยวกับหลักสูตรที่มุ่งประเมิน ซึ่งจะเน้นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเพื่อการปรับปรุงพัฒนาและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรต่อไป การออกแบบการประเมินที่มีประสิทธิภาพที่จะให้ได้คำตอบตรงตามวัตถุประสงค์ของการประเมินหรือได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ จะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ
4.1 การออกแบบการวัดตัวแปร (measurement design) เป็นการวางแผนเพื่อกําหนดว่า ในการประเมินหลักสูตรครั้งนี้ มุ่งศึกษาประเด็นการประเมิน ตัวแปร หรือตัวบ่งชี้การประเมินอะไรบ้าง และจะใช้เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล หรือวัดตัวแปรประเภทใดบ้าง ขั้นตอนนี้จึงเป็นการกําหนดเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลในการประเมินให้มีความเหมาะสมหรือสอดคล้องกับลักษณะของตัวแปรหรือตัวบ่งชี้การประเมิน เช่น แบบสอบถาม แบบทดสอบ หรือแบบวัดต่าง ๆ เป็นต้น
4.2 การออกแบบการสุ่มตัวอย่าง (sampling design) หรือการเลือกผู้ให้ข้อมูลหลัก(key informants) เป็นการวางแผนเพื่อกําหนดว่า ในแต่ละประเด็นการประเมิน ตัวแปรที่ศึกษาหรือตัวบ่งชี้การประเมินเหล่านั้น จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลใดหรือใครจะเป็นผู้ให้ข้อมูล ในกรณีของการประเมินหลักสูตร นิยมใช้กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (purposive sampling) หรือผู้ให้ข้อมูลหลัก ซึ่งมักจะเป็นผู้เกี่ยวข้องกับหลักสูตรเป็นอย่างดี ที่สามารถจะให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ตรงประเด็น และชัดเจน
4.3 การออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล (analysis design) เป็นการวางแผนเพื่อกําหนดว่า ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้จากเครื่องมือวัดแต่ละประเภทจะวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ใช้วิธีการทางสถิติอย่างไร หรือวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติชนิดใด
กล่าวโดยสรุปในการออกแบบการประเมินหลักสูตร เป็นการกําหนดแนวทางการประเมินหลักสูตร โดยผู้ประเมินจะต้องศึกษาวิเคราะห์ในแต่ละวัตถุประสงค์ของการประเมินว่า จะมุ่งศึกษาตัวแปร ประเด็นการประเมิน หรือตัวบ่งชี้การประเมินใดบ้าง จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งใด หรือใครเป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก โดยใช้เครื่องมือวัดประเภทใดและจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างไร รวมทั้งจะตัดสินผลการประเมินโดยใช้เกณฑ์อะไร
5. การจัดทำโครงการประเมินหลักสูตร หลังจากผู้ประเมินได้ออกแบบการประเมินหรือดำเนินการตามลำดับขั้นตอนที่ 1-4 แล้ว จะต้องจัดทำโครงการประเมินหลักสูตร ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้จากการวางแผนการประเมินที่แสดงกรอบแนวคิดและแนวทางในการดำเนินการประเมินหลักสูตรอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ในโครงการประเมินหลักสูตรจะมีส่วนประกอบหลายเรื่อง แต่ส่วนประกอบที่สำคัญคือกรอบแนวทางในการประเมินหลักสูตร ดังตัวอย่างกรอบแนวทางการประเมินหลักสูตรหมวดวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (พิชิต ฤทธิ์จรูญและคณะ 2550: 40-48)
ตาราง กรอบแนวทางการประเมินหลักสูตรหมวดวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
| ประเด็นการประเมิน (ตัวแปร/ตัวบ่งชี้) | แหล่งข้อมูล | เครื่องมือ/วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล | การวิเคราะห์ข้อมูล | เกณฑ์การประเมิน | |
1. เพื่อประเมินสภาพการใช้หลักสูตร |
|
|
|
|
| |
1.1 การบริหารหลักสูตร | 1) กระบวนการบริหารหลักสูตร | - คณะกรรมการบริหารหมวดวิชาการศึกษาทั่วไป | การสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) | การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) | การสรุปเชิงเหตุผลตัดสินตามความเห็นส่วนใหญ่ของกลุ่ม | |
| 2) การส่งเสริมสนับสนุนการเรียนการสอน |
| แบบสอบถาม
การสนทนากลุ่ม | ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การวิเคราะห์เนื้อหา | ระดับการปฏิบัติที่ยอมรับได้โดยมีค่าเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไปจาก 5 ระดับ การสรุปเชิงเหตุผลตัดสินตามความเห็น ส่วนใหญ่ของกลุ่ม | |
1.2 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน | 1) การเตรียมสอน 2) การดำเนินการสอน 3) การใช้สื่อเทคโนโลยี 4) การส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ | อาจารย์ผู้สอนและนักศึกษา | แบบสอบถาม การสนทนากลุ่ม | ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เนื้อหา | ระดับการปฏิบัติที่ยอมรับได้โดยมีค่าเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไปจาก 5 ระดับ การสรุปเชิงเหตุผลตัดสินตามความเห็น ส่วนใหญ่ของกลุ่ม | |
2. เพื่อประเมินสัมฤทธิผลของ หลักสูตร |
|
|
|
|
| |
2.1 ผลการเรียนรู้ที่ได้รับของนักศึกษา | 1) ผลการเรียนรู้ที่ได้รับ 2) การประยุกต์ใช้ความรู้ของนักศึกษา | - นักศึกษา | แบบสอบถาม
การสนทนากลุ่ม | ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การวิเคราะห์เนื้อหา | ระดับผลการเรียนรู้ที่ยอมรับได้โดยมีค่าเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไปจาก 5 ระดับ วิธีการสรุปเชิงเหตุผลตัดสินตามความเห็นส่วนใหญ่ของกลุ่ม | |
2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา | ระดับผลการเรียนของแต่ละรายวิชา | ฝ่ายทะเบียน สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน | แบบบันทึกข้อมูล | ค่าร้อยละ | นักศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ได้ระดับผลการเรียนตั้งแต่ C ขึ้นไปถือว่าอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้หรือพอใจ | |
2.3 ความพึงพอใจต่อการเรียนการสอน | ความพึงพอใจของ นักศึกษาที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของอาจารย์ผู้สอน | นักศึกษา | แบบสอบถาม
การสนทนากลุ่ม | ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การวิเคราะห์เนื้อหา | ระดับความพึงพอใจที่ยอมรับได้โดยมีค่าเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไปจาก 5 ระดับ วิธีการสรุปเชิงเหตุผล ตัดสินตามความเห็นส่วนใหญ่ของกลุ่ม |
6. การพัฒนาเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนของการเตรียมจัดหาหรือจัดทำเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลในการประเมิน โดยตรวจสอบว่าเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลที่ระบุไว้ในโครงการประเมินนั้นมีหรือยัง จะใช้เครื่องมือที่มีผู้อื่นสร้างไว้แล้วหรือจะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลจะต้องวัดได้ตรง สอดคล้อง และครอบคลุมกับประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งชี้การประเมิน หากเครื่องมือที่มีอยู่ไม่เหมาะสมที่จะใช้ ผู้ประเมินต้องสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลขึ้นมาใหม่ โดยจะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัด เช่น ตรวจสอบด้านความเป็นปรนัย ความยาก (difficulty) ความตรง (validity) ความเที่ยง (reliability) เป็นต้น
เทคนิควิธีและเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลในการประเมินมีหลายประเภท ผู้ประเมินต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ตรงกับการวัดตัวแปร ตัวบ่งชี้หรือประเด็นการประเมิน และลักษณะของผู้ให้ข้อมูล เช่น แบบทดสอบ แบบสอบถาม การสังเกต การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และการใช้มูลจากเอกสาร เป็นต้น (สมคิด พรมจุ้ย, 2557)
7. การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจริง โดยใช้เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลแต่ละประเภทที่ได้พัฒนาขึ้น ซึ่งจะต้องมีการวางแผน ประสานงานกับผู้ให้ข้อมูล กำหนดช่วงระยะเวลา วิธีการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อให้การเก็บรวบรวมข้อมูลมีความถูกต้อง และสมบูรณ์ครบถ้วน ผู้ประเมินจะต้องใช้เทคนิควิธีและเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ เพื่อให้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้
8. การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมายของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้เพื่อให้ได้คำตอบตามวัตถุประสงค์ของการประเมินหลักสูตร วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับลักษณะของข้อมูล โดยทั่วไปการวิเคราะห์ข้อมูลกระทำได้ 2 ลักษณะคือ วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติเป็นเครื่องมือช่วย เช่น ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบนัยสำคัญทางสถิติด้วย t-test F-test เป็นต้น และ วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ส่วนมากใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis)
9. การรายงานผลการประเมินหลักสูตร เป้าหมายสำคัญของการประเมินหลักสูตรก็เพื่อนำสารสนเทศไปใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับปรุงพัฒนา และเปลี่ยนแปลงหลักสูตรให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย ผู้เรียน ผู้ปกครอง หรือสังคม ผู้ประเมินจึงต้องนำเสนอรายงานผลการประเมินต่อผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรอย่างมีเหตุผลและเกิดประโยชน์สูงสุด รายงานผลการประเมินหลักสูตรแบ่งประเภทได้หลายลักษณะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้จำแนก ถ้าใช้เกณฑ์จำแนกตามบทบาทของการประเมินแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ รายงานการประเมินระหว่างดำเนินการใช้หลักสูตร (formative report) หรือรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการใช้หลักสูตร(progress report)และรายงานประเมินสรุปผลรวมหลังการใช้หลักสูตรครบวงจร (summative report) (Worthen and Sanders, 1987 : 34) ถ้าใช้เกณฑ์จำแนกตามลักษณะของการนำผลการประเมินไปใช้ แบ่งออกเป็น3 ประเภท คือ (1) รายงานเชิงการบริหาร (executive report) หรือบทสรุปสำหรับผู้บริหาร (executive summary report) เป็นรายงานการประเมินฉบับย่อที่นำเสนอเฉพาะประเด็นสำคัญต่อผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตร ลักษณะของบทสรุปสำหรับผู้บริหาร อาจนำเสนอไว้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานการประเมินฉบับสมบูรณ์ หรือจัดทำแยกเป็นบทสรุปสำหรับผู้บริหารเป็นการเฉพาะก็ได้ มีเนื้อหาสาระประมาณ 3-15 หน้า
(2)รายงานเชิงวิชาการ (academic report) หรือรายงานการวิจัยเชิงประเมิน (evaluative research report) เป็นรูปแบบของรายงานการประเมินหลักสูตรฉบับสมบูรณ์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้รับผิดชอบต่อหลักสูตรหรือผู้อ่านโดยทั่วไปได้ทราบรายละเอียดของการประเมินหลักสูตรอย่างครบถ้วน
(3) บทความวิจัย (research article) เป็นรายงานการประเมินหลักสูตรที่นำเสนอในรูปบทความวิจัย เพื่อเผยแพร่ผลการวิจัยประเมินหลักสูตรที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการหรือวงการวิชาชีพให้กว้างขวางมากขึ้น โดยนำเสนอในเอกสารการประชุมทางวิชาการหรือวารสารทางวิชาการ มีความยาวประมาณ 15 – 20 หน้า
การนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้
การนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้ผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้องในระดับ ต่างๆได้รับรู้และใช้สารสนเทศจากการประเมินเพื่อการตัดสินใจในการส่งเสริมสนับสนุนและดำเนินการพัฒนาหลักสูตรและการใช้หลักสูตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้จะมีความสำคัญต่อการตัดสินใจก่อนริเริ่มการพัฒนาหลักสูตร การปรับปรุงตัวหลักสูตรให้มีความสมบูรณ์ การจัดทรัพยากรในการใช้หลักสูตรให้มีความเหมาะสมเพียงพอ การปรับปรุงกระบวนการใช้หลักสูตร และการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของหลักสูตรเมื่อใช้หลักสูตรครบวงจร
1. ลักษณะของการนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้ การนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องในการเลือกทางเลือกในการดำเนินการเกี่ยวกับหลักสูตรสามารถทำได้ในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
1.1 การนำผลการประเมินไปใช้เพื่อการพัฒนาหลักสูตร โดยหน่วยงานทางการศึกษาหรือสถานศึกษา ได้ใช้สารสนเทศจากการประเมินก่อนการพัฒนาหลักสูตร ประกอบการตัดสินใจในการริเริ่มพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันและตอบสนองความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และสังคม โดยผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องจะต้องแสวงหาสารสนเทศให้ครบถ้วนเพียงพอต่อการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งจะต้องมีการประเมินความต้องการจำเป็นหรือการประเมินสภาวะแวดล้อมของหลักสูตร เพื่อให้มีเหตุผลที่เพียงพอและเกิดความมั่นใจต่อการพัฒนาหลักสูตร (การประเมินหลักสูตร:แนวคิด กระบวนการและการใช้ผลการประเมิน.วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ. ปี ที่ 8 ฉบับที่ 1 (ม.ค. – มิ.ย.) 2558| 25 )
1.2 การนำผลการประเมินไปใช้ เพื่อจัดทรัพยากรในการใช้หลักสูตรก่อนการนำหลักสูตรไปใช้ ผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องจะต้องจัดปัจจัยหรือสนับสนุนทรัพยากรสำหรับการใช้หลักสูตรให้มีความเหมาะสม อย่างพอเพียงและมีความพร้อม รวมทั้งความมีคุณภาพของปัจจัยเพื่อให้การนำหลักสูตรไปใช้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องจึงต้องมีการประเมินปัจจัยหรือทรัพยากรในการใช้หลักสูตรและใช้ข้อมูลผลการประเมินนี้เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดปรับเปลี่ยนปัจจัยหรือทรัพยากรให้เอื้ออำนวยต่อการใช้หลักสูตรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
1.3 การนำผลการประเมินไปใช้เพื่อการปรับแผนกระบวนการหรือวิธีดำเนินการใช้หลักสูตรในระหว่างการดำเนินการใช้หลักสูตร ผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องจะต้องมีสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพการใช้หลักสูตร ปัญหา อุปสรรค จุดเด่น จุดด้อยของกระบวนการหรือวิธีการบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน จึงต้องมี การประเมินกระบวนการศึกษาความก้าวหน้าหรือปัญหาอุปสรรคในการ บริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนแล้วใช้สารสนเทศดังกล่าวนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจปรับแผนกระบวนการ วิธีการบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
1.4การนำผลการประเมินไปใช้เพื่อตัดสินประสิทธิผลและประสิทธิภาพของหลักสูตร หลังจากที่ผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องได้ดำเนินการใช้หลักสูตรครบวงจรแล้วก็จะต้องมีการประเมินผลการใช้หลักสูตรทั้งระบบและใช้สารสนเทศจากผลการประเมินตัดสินคุณค่า หรือตรวจสอบประสิทธิผลและประสิทธิภาพของหลักสูตร ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องในการปรับปรุง พัฒนา เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกหลักสูตร
2. แนวปฏิบัติในการนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้
ผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรควรนำผลการประเมินหลักสูตรไป ใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรดังนี้
2.1 สารสนเทศจากการประเมินหลักสูตรที่จะนำมาใช้จะต้องมีความตรงประเด็นหรือเกี่ยวข้อง (relevant) กับเรื่องที่จะนำไปใช้ในการตัดสินใจมีประโยชน์ (useful) ต่อการตัดสินใจทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษาเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจว่าจะไม่มีความผิดพลาด และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน ผู้ปกครอง และสังคมโดยส่วนรวม
2.2 สารสนเทศจากการประเมินหลักสูตรจะต้องมีความเป็นปัจจุบัน ทันสมัย และจะต้องทันเวลา (timely) หรือทันเหตุการณ์ต่อการตัดสินใจที่จะไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสถานศึกษา การใช้หลักสูตร และการ จัดการเรียนการสอนรวมทั้งผู้เรียน ผู้ปกครอง และสังคม
2.3สารสนเทศจากการประเมินหลักสูตรจะต้องมีความถูกต้อง ชัดเจน สื่อความหมายได้ดี และเข้าใจ ได้ง่ายรวมทั้งมีความครอบคลุม เพียงพอต่อการตัดสินใจ ช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องกับหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน
2.4ควรจัดระบบการใช้สารสนเทศ โดยต้องมีการวางแผนการประเมินล่วงหน้าควบคู่กับการวาง แผนการใช้หลักสูตร มีกระบวนการหรือกิจกรรมที่ผลักดัน ส่งเสริมให้เกิดการประเมินหลักสูตรและการใช้สารสนเทศจากการประเมินที่รวดเร็วและคล่องตัว (การประเมินหลักสูตร:แนวคิด กระบวนการและการใช้ผลการประเมิน.วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ. 26 | ปี ที่ 8 ฉบับที่ 1 (ม.ค. – มิ.ย.) 2558)
2.5สร้างความตระหนักให้เห็นคุณค่าของสารสนเทศจากการประเมินหลักสูตร โดยจะต้องมีกลไกหรือกิจกรรมสร้างความตระหนักให้เห็นคุณค่าการใช้สารสนเทศจากการประเมินประกอบการตัดสินใจแก่ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องกับหลักสูตร
2.6 สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน การทำงานแบบมีส่วนร่วมและการร่วมคิดร่วมทำ(participation & collaboration) โดยการร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมดำเนินงาน ร่วมประเมิน ร่วมใช้สารสนเทศจาก การประเมินหลักสูตรย้อนกลับเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
2.7 พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารหลักสูตรและการเรียนการสอนของสถานศึกษาและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและการใช้หลักสูตรต่าง ๆให้เป็นระบบที่มีความ ครอบคลุม รวดเร็วต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตร
2.8 กำหนดแผนและปฏิทินความต้องการสารสนเทศของสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับ (monitoring) การประเมินหลักสูตร และการนำสารสนเทศจากการประเมินมาใช้ประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพ
2.9 สร้างระบบหรือกลไกในการส่งเสริมการใช้สารสนเทศจากการประเมินเกี่ยวกับหลักสูตรและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการประเมินทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา
ประโยชน์ของการประเมินผลหลักสูตร
การประเมินผลหลักสูตร เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เราทราบถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของหลักสูตร การประเมินผลมีประโยชน์ในการจัดการศึกษา การจัดทำหรือพัฒนาหลักสูตรต้องอาศัยผลจากการประเมินผลเป็นสำคัญ ประโยชน์ของการประเมินผลหลักสูตรมีดังนี้
1. ทำให้ทราบว่าหลักสูตรที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นนั้น มีจุดดีหรือจุดเสียตรงไหน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงให้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดในหมู่ประชาชน
3. ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุน ช่วยเหลือหรือบริการทางใดบ้าง
4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา
5. ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้การเรียน
การสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน
6. ให้ผู้ปกครองทราบความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
7. ช่วยให้การประเมินผลเป็นระบบระเบียบ เพราะมีเครื่องมือและหลักเกณฑ์ทำให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
8. ช่วยชี้ให้เห็นคุณค่าของหลักสูตร
9. ช่วยให้สามารถวางแผนการเรียนในอนาคตได้ ข้อมูลของการประเมินผลหลักสูตร ทำให้ทราบเป้าหมายแนวทางและขอบเขตในการดำเนินการศึกษาของโรงเรียน
ปัญหาในการประเมินหลักสูตร
ในการประเมินหลักสูตรบางครั้งอาจะต้องพบเจอกับปัญหาบ้าง ซึ่งปัญหาที่พบเจอเสมอๆ มีดังนี้
1. ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ทำให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน
2. ปัญหาด้านเวลา การกำหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตร ไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ทำให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนำมาปรับปรุงหลักสูตร
3. ปัญหาด้านความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการประเมินหลักสูตร คณะกรรมการประเมินหลักสูตรไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรที่จะประเมิน หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผล ทำให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ ขาดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งมีผลทำให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น
4. ปัญหาด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจากผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทำให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็นจริงหรือผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง
5.ปัญหาด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากการประเมินในเชิงปริมาณ ทำให้ได้ข้อค้นพบที่ผิวเผินไม่ลึกซึ้ง จึงควรมีการประเมินผลที่ใช้วิธีการประเมินเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
6.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบ การประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดำเนินงานน้อยมาก ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (Academic Achievement) เป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
แบบทดสอบ
1.แนวคิดการประเมินหลักสูตรประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญมีอะไรบ้าง
ตอบ
แนวคำตอบ 1.การประเมินเป็นการประเมินค่าของเรื่องที่ตัดสินใจ
2.การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน
3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา
4.เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบ จำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
2.การประเมินหลักสูตรตามรูปแบบของProvusมี5ประเด็นมีอะไรบ้างตอบแนวคำตอบ 1.การประเมินคุณภาพของการออกแบบหลักสูตร(program
definition)
2.การประเมินการเริ่มใช้หลักสูตร(program installation)
3. การประเมินกระบวนการ(program process)
4. การประเมินผลผลิตของหลักสูตร(program product)
5. การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน(cost – benefit analysis)
3.ประโยชน์ของการประเมินผลหลักสูตร จงยกตัวอย่างตอบแนวคำตอบ 1. ทำให้ทราบว่าหลักสูตรที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นนั้น มีจุดดีหรือจุดเสียตรงไหน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงให้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดในหมู่ประชาชน
3. ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุน ช่วยเหลือหรือบริการทางใดบ้าง
4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา
5. ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้การเรียน
การสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน
6. ให้ผู้ปกครองทราบความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
7. ช่วยให้การประเมินผลเป็นระบบระเบียบ เพราะมีเครื่องมือและหลักเกณฑ์ทำให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
8. ช่วยชี้ให้เห็นคุณค่าของหลักสูตร
9. ช่วยให้สามารถวางแผนการเรียนในอนาคตได้ ข้อมูลของการประเมินผลหลักสูตร ทำให้ทราบเป้าหมายแนวทางและขอบเขตในการดำเนินการศึกษาของโรงเรียน
1.แนวคิดการประเมินหลักสูตรประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญมีอะไรบ้าง
ตอบ
แนวคำตอบ 1.การประเมินเป็นการประเมินค่าของเรื่องที่ตัดสินใจ
2.การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน
3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา
4.เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบ จำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
1.การประเมินคุณภาพของการออกแบบหลักสูตร(program
definition)
2.การประเมินการเริ่มใช้หลักสูตร(program installation)
3. การประเมินกระบวนการ(program process)
4. การประเมินผลผลิตของหลักสูตร(program product)
5. การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน(cost – benefit analysis)
แนวคำตอบ
2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดในหมู่ประชาชน
3. ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุน ช่วยเหลือหรือบริการทางใดบ้าง
4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา
5. ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้การเรียน
การสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน
6. ให้ผู้ปกครองทราบความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
7. ช่วยให้การประเมินผลเป็นระบบระเบียบ เพราะมีเครื่องมือและหลักเกณฑ์ทำให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
8. ช่วยชี้ให้เห็นคุณค่าของหลักสูตร
9. ช่วยให้สามารถวางแผนการเรียนในอนาคตได้ ข้อมูลของการประเมินผลหลักสูตร ทำให้ทราบเป้าหมายแนวทางและขอบเขตในการดำเนินการศึกษาของโรงเรียน
4.การประเมินหลักสูตรทำขึ้นเพื่อศึกษากระบวนการต่างๆ ที่กำหนดไว้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาการประเมินดังกล่าวจะครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดของหลักสูตรและกระบวนการต่างๆ เป็นคำกล่าวของใคร?ตอบแนวคำตอบ ทาบา
5. sampling design เป็นการออกแบบแบบใดตอบแนวคำตอบ การออกแบบการสุ่มตัวอย่าง
อ้างอิง
การประเมินหลักสูตร.(ไม่ทราบปีที่เผื่อแผ่).วันที่สืบค้น 23 สิงหาคม 2564,สืบค้นจาก
https://sites.google.com/a/crru.ac.th/ban-khunkhru-cen-ci-ra/bth-thi-7-kar-pramein-hlaksutr
การประเมินหลักสูตร.(ไม่ทราบปีที่เผื่อแผ่).วันที่สืบค้น 23 สิงหาคม 2564,สืบค้นจาก
https://sites.google.com/site/viewnaiyana/kar-pramein-hlaksutr
ตัวอย่างข้อสอบ ข้อสอบหลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร.(2557).วันที่สืบค้น 23 สิงหาคม 2564,สืบค้นจาก
https://web.facebook.com/357305257708204/posts/520254461413282/?_rdc=1&_rdr
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น